ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Review : The Neon Demon

Review : The Neon Demon
Score : 8.5/10

"หนังอาร์ตโรคจิตที่ตบหน้าผู้หญิงเรื่องความงามแบบจังๆ สะท้อนวงการแฟชั่น

พล็อตทั่วไป แต่นำเสนอด้วยงานภาพล้ำ
ดึงดูดด้วยเพลงประกอบอิเล็คโทรบีท Elle มารน้อยตัวร้ายแบบสุดๆ"


เรื่องย่อ : เจสซี่ เด็กสาวผู้ฝันจะเป็นนางแบบได้เดินทางมาถึงลอสแองเจลิสเพื่อตามความฝัน เมื่อเธอได้เป็นนางแบบก็รู้ว่าภายใต้ฉากหน้าของวงการแฟชั่น ความสาวและความสดใสของเธอกำลังถูกกลืนกินโดยเพื่อนร่วมงานที่คลั่งไคล้ในความงามและหวังอยากได้ทุกอย่างที่เธอมี


พล็อตเรื่องก็ตรงตามเรื่องย่อบ้าง แต่ในหนังจริงๆ ก็มีอีกประเด็นที่ซ่อนเอาไว้ ก่อนจะไปพูดถึงประเด็นที่ซ่อนเอาไว้ มาพูดถึงประเด็นหลักกันก่อนดีกว่า

- เรื่องวงการแฟชั่น เบื้องหลังที่เรามักจะรู้กันว่า จะมีการเปลี่ยนตัวท็อปกันไปเรื่อยๆ ในแต่ล่ะช่วงปี เพื่อคงความสวยงามในวงการต่อไป พอเปลี่ยนปุ๊บ คนเก่าก็จะถูกลืมเลือนหายไปทันที ใหม่มาเก่าไป (ไปแบบหายไปเลย) ซึ่งเรื่องความอิจฉากันภายในวงการก็ต้องมีกันธรรมดา เพราะทุกคนต่างก็อยากเป็นตัวท็อปแห่งยุคกันทั้งนั้น หลายๆ คน อาจจะคิดว่าวงการแฟชั่นดี แต่บางทีสิ่งที่เราเห็นอาจจะไม่ได้เป็นจริงเสมอไป

- "ลุ่มหลง หลงใหล ในมนเสน่ห์ของสิ่งที่เรียกความความโด่งดัง" สำหรับเรื่องนี้เป็นธรรมดา ที่ไม่ใช่แค่วงการแฟชั่นต่างก็เจอกันเป็นธรรมดา คนเราพอดังปุ๊บ ก็จะถูกครอบงำด้วยชื่อเสียง เงินทอง ลุ่มหลง หลงใหล จนตัวตนและนิสัยเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ ซึ่งตัวเองจะมองไม่ออก แต่รอบข้างจะมองออกอยู่เสมอ ตัวละคร Jesse ของ Elle แสดงออกมาอย่างเห็นได้ชัดมาก

- "ความอิจฉา ความโกรธ ที่เห็นคนอื่นดังกว่าไม่ได้ ต้องดึงลงมาจากบัลลังก์" เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่เป็นธรรมดาของมนุษย์เช่นกัน เราที่อยากเป็นท็อป เป็นคนเด่น พยายามแทบตาย แต่ไม่เคยเอื้อมไปถึง แต่อยู่ดีๆ มีใครจากไหนมาไม่รู้ มาคว้ามันไปได้ง่ายๆ โดยแทบจะไม่ต้องทำอะไร ใครมันจะไปยอมได้ล่ะ ต้องดึงลงมาจากบัลลังก์ ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีไหนก็ตาม

- ประเด็นหลักของเรื่องก็พูดกันไปแล้ว มาต่อกันที่ประเด็นรองที่(เหมือนจะ)เป็นปัญหาสำหรับผู้หญิงและตบหน้ากันแบบจังๆ นั่นก็คือ "ความสวยงามแบบธรรมชาติ หรือ ความสวยงามเทียมที่รังสรรค์จากศัลยกรรม" ประเด็นนี้ตีกันในหนังแบบแซ่บดุเดือดมาก แม้จะเป็นคำพูดธรรมดาๆ เรียบๆ แต่สะเทือนกันทั่วหน้า

เรื่องความสวยงาม เป็นสิ่งที่ผู้หญิงต่างใฝ่หากันอยู่แล้ว ใครที่สวยธรรมชาติก็ดีไป แต่คนที่ไม่ได้สวยธรรมชาติ แล้วเห็นคนอื่นเขา ก็อยากเป็นอย่างเขาบ้าง ถึงขนาดไปทำศัลยกรรม เจ็บแค่ไหนก็ยอม เพื่อให้เหมือนกับคนๆ นั้น แต่เราจำเป็นที่จะต้องลงทุนขนาดนั้นเลยเหรอ? พอใจกับสิ่งที่มีดีกว่ารึเปล่า? เป็นสิ่งที่แฝงเอาไว้ให้คุณผู้หญิงลองกลับไปคิดกันดู จากหนังเรื่องนี้

- งานภาพ เมื่อชื่อเรื่อง Neon เกือบจะทั้งเรื่องก็ Neon ไปตามๆ กัน ไฟนี่แทบจะไม่มีเลย มืดเกือบตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งพอสว่างปุ๊บ ตาเกือบจะบอด เพราะปรับไม่ทันนี่แหละ นึกจะสว่างพี่ก็สว่างเลย แต่เล่นความมืดกับแสงไฟ Neon ได้โอเคเลยครับ ดูแล้วรู้สึกล้ำ ดึงดูด และทำให้งานภาพดูสวยแบบอาร์ตๆ มาก ซึ่งถ้าให้ไปทำหนังแนวอาร์ตๆ แบบนี้ ยอมรับว่าไม่ไหวจริงๆ ต้องยอมคารวะผู้กำกับเลย

- เพลงประกอบก็เล่นจังหวะอิเล็คโทรนิคผสมกับบีท ได้แบบดึงดูด และลงตัวกับทุกฉากในเรื่องมาก เพลงออกมาแนวดาร์คแฟชั่น ซึ่งส่วนตัวชอบมาก นั่งฟังวนไปสิครับ

- "Elle Fanning" เล่นดีมาก รู้สึกได้ถึงความเป็นมารร้ายน้อยๆ ที่รอจะแสดงความร้ายแบบถึงขั้นออกมาได้ดีเลยจริงๆ ตัวละคร Jesse มีพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ ทีละนิด มีเสน่ห์ที่น่าดึงดูดใจ และร้ายขึ้นไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ต้นเรื่องยันจบเรื่อง

ส่วนตัวได้รู้จักน้อง Elle จากหนังของ J.J. Abrams ปี 2011 เรื่อง "Super 8" ซึ่งยอมรับว่า เฉิดฉายและมีเสน่ห์มาก มาเรื่องนี้ยิ่งขยี้ความมีเสน่ห์ให้ลึกลงไปอีก หัวใจจะวาย น่ารักไปไหน

โดยรวม แม้ตัวหนังจะใช้พล็อตธรรมดาทั่วไปในการเล่าเรื่อง แต่งานภาพที่นำเสนอออกมานั้นมีความล้ำ ไปพร้อมกับเพลงประกอบที่ดึงดูด รวมถึง "Elle Fanning" ที่สามารถกุมหนังเอาไว้ในมือได้อย่างอยู่หมัดครับ

สุดท้ายนี้ก็ต้องขอขอบคุณบัตรชมภาพยนตร์ "The Neon Demon : สวยอันตราย" จากทาง M PICTURES ด้วยครับ

"The Neon Demon : สวยอันตราย" มีกำหนดฉาย 25 สิงหาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์

Review By : T.J. @ T.J. MOVIE REVIEW

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างแรกและนักแสดงทั้งหมดในภาพยนตร์ Saiki Kusuo no Sainan ฉบับ Live Action

หลังจากประกาศสร้างมาตั้งปี 2015 ก็ได้มีการปล่อยตัวอย่างแรกพร้อมเหล่านักแสดงออกมาทั้งหมดแล้ว ตัวอย่างภาพยนตร์ - https://www.youtube.com/watch?v=4tCACKYolrs&t=0s และมีนักแสดงดังต่อไปนี้

掟上今日子の備忘録。(Okitegami Kyoko no Biboroku) สมุดบันทึกความทรงจำของ โอคิเตะงามิ เคียวโกะ

            ก่อนจะเริ่มต้นวิจารณ์หรือวิเคราะห์ดีล่ะ เลือกไม่ถูก ถ้างั้นใช้เป็นว่า วิเคราะห์ น่าจะเหมาะสมที่สุดล่ะ ต้องขอบอกก่อนว่า ไม่ได้ตามดูซีรี่ส์จากทางฝั่งญี่ปุ่นมานานมากประมาณเกือบ 3 ปีได้ หลังจากซีรี่ส์ “Ando Lloyd - A.I. Knows Love ?” แล้วช่วงนี้ประจวบเหมาะกับไม่มีอะไรดู (เหรอ ? ) เลยลองมานั่งหาซีรี่ส์จากทางญี่ปุ่นดูบ้าง เปลี่ยนแนวจากที่ปกติเดิมจะดูแต่ซีรี่ส์ภาพยนตร์จากทางอเมริกาซะส่วนใหญ่ และ Okitegami Kyoko no Biboroku. เพื่อนก็แนะนำมาตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วก่อนซีรี่ส์จะจบด้วยซ้ำ (ตอนนั้น ฉายไป 8 ตอน ซีรี่ส์มีทั้งหมด 10 ตอน) เขาดูกันไปจะเกือบปีล่ะ ตัวเองพึ่งจะมานั่งดู หยิบขึ้นมาดูเท่านั้นแหละ กลายเป็นติดใจจนเลิกดูไม่ได้ นั่งดูอยู่บนห้องมันทั้งวันนี่แหละครับ ฮา

Review : Kung Fu Panda 3

Review : Kung Fu Panda 3 Score : 8/10 "ดูเพลิน สนุก ตลกฮา ปนน่ารักของเหล่าแพนด้า ตอนท้ายซึ้งดี พร้อมออกตามหาตัวตน ว่าเรานั้นเป็นใคร?" เรื่องย่อ : การกลับมาของพ่อแพนด้าของโปที่หายสาบสูญไปเมื่อนานมาแล้ว ทั้งคู่กลับมาร่วมทางกันสู่เมืองลับแลของแพนด้า เพื่อพบกับพวกแพนด้าตัวตลกหน้าใหม่ แต่เมื่อจอมวายร้ายผู้อยู่เหนือธรรมชาติอย่าง ไค เริ่มกวาดล้างประเทศจีนด้วยการเอาชนะจ้าวแห่งกังฟูทั้งหมด โพต้องทำสิ่งเหลือเชื่ออย่างการศึกษาวิธีการฝึกฝนเหล่าพี่น้องจอมเซ่อที่น่ารักของเขา เพื่อให้กลายเป็นเหล่าสุดยอดกังฟูแพนด้า!