ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Review : NERVE

Review : NERVE
Score : 7.5/10

"เล่นเรื่องสื่ออินเทอร์เน็ตได้ดี เข้ากับปัจจุบันมาก 
เดินเรื่องเรียบๆ สะท้อนให้คิดก่อนจะทำอะไรในโลกออนไลน์"


เรื่องย่อ :  วี นักเรียนชั้นมัธยมปลายคนหนึ่ง ผู้ที่ติดการเล่นเกมออนไลน์แนว "จริงหรือกล้า" ในชื่อ "Nerve" เป็นอย่างมาก เกมนี้ให้ผู้เล่น รับคำท้าจากเหล่าผู้ชม ทำสิ่งที่กล้าบ้าบิ่นต่างๆ เพื่อแลกกับเงินรางวัล ในช่วงแรก เธอได้จับคู่กับหนุ่มหล่ออย่าง เอียน เพื่อทำภารกิจร่วมกัน แต่เมื่อช่วงเวลาแห่งความสนุกสนานผ่านไป ทุกการกระทำของเธอภายในเกม กลับตกอยู่ภายใต้การชักใยของเหล่า "ผู้ชม" เกมๆ นี้ ได้ขโมยข้อมูลเกี่ยวกับตัวตนของเธอและเขาทั้งหมด ภารกิจแห่งความ "กล้า" เริ่มเสี่ยงตายขึ้นเรื่อยๆ จากเกมสนุกๆ กลับกลายเป็นการเสี่ยงตายเอาชีวิตรอด ที่อาจทำให้ชีวิตของพวกเขา ไม่มีวันกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกต่อไป


"สื่ออินเทอร์เน็ตอันตรายกว่าที่คิด ไม่โดนกับตัวไม่รู้สึก 
หันกลับมาคิดก่อนที่จะทำอะไรลงอินเทอร์เน็ต"


- พล็อตเรื่องถือว่ามีความน่าสนใจตั้งแต่ตอนดูตัวอย่างไม่ใช่น้อย พอมาดูจริงๆ ก็รู้สึกว่าหนังมันโอเคเลย สะท้อนการใช้สื่ออินเทอร์เน็ต อาจจะไม่ได้สื่อมากมาย แต่ยิ่งเดินเรื่องไปเรื่อยๆ ความโหดร้ายก็ตามมาเช่นกัน

- ในโลกอินเทอร์เน็ตทุกคนสามารถปกปิดตัวตนของตัวเองได้ โดยการสร้างชื่อและตัวตนใหม่ขึ้นมา อยากจะทำอะไรก็ทำ โดยไม่ได้คิดถึงผลลัพธ์ที่ตามมา พอเกิดอะไรขึ้นก็ชิ่งได้ทุกเมื่อ แต่ถ้า... ตัวตนนั้นถูกเปิดเผยขึ้นมา ตอนที่เรากำลังก่อเรื่องขึ้นพอดีล่ะ จะทำยังไง? เป็นการสะท้อนให้คิดและระวังก่อนที่จะทำอะไรลงสื่ออินเทอร์เน็ต

"Watcher & Player" 2 คำนี้ถึงแม้จะแตกต่างกัน แต่ถ้าลองมามองกันจริงๆ แล้ว มันก็แทบไม่ได้ต่างอะไรกันมากสักเท่าไร เหมือนมีเส้นบางๆ กั้นอยู่ ซึ่งเรื่องนี้ก็แสดงให้เห็น แม้คุณจะเป็น Watcher แต่การที่คุณออกคำสั่งให้คนอื่นเล่นตาม คุณก็คือ Player เหมือนกัน Player ที่ถูกสมองที่ได้คิดและประมวลผลแล้ว สั่งมาให้เราทำตามที่คิด ส่วน Player ที่ทำตามคำสั่ง Watcher ก็เป็น Watcher ได้เหมือนกัน โดยการรอคอยและดูว่าสิ่งเราทำไป Player พอใจรึเปล่า? ถ้าพอใจก็เป็นอันจบ อันนี้ถ้าอธิบายจากสิ่งที่หนังต้องการจะสื่อ ดังนั้นไม่ว่าคุณจะเลือกเป็น "Watcher หรือ Player" ก็ไม่ได้ต่างอะไรกัน เพราะคุณเป็นทั้ง 2 สิ่งในเวลาเดียวกันอยู่ดี

เขียนๆ มาไม่ค่อยได้พูดถึงตัวเรื่องสักเท่าไร พูดแต่สิ่งที่สื่อออกมาจากเรื่องซะเยอะเลย ฮา งั้นไปพูดถึงตัวเรื่องกันสักนิดบ้างดีกว่า...

สำหรับการดำเนินเรื่องก็ปุบปับดีครับ ในช่วงแรกก่อนที่ วี จะเริ่มเล่น "Nerve" แต่พอเริ่มเล่น เนื้อเรื่องก็ค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นไป เริ่มเล่นเกมโหดขึ้น ท้าทายมากขึ้น จนนางเอกคิดที่จะถอนตัวตามในตัวอย่าง แต่ถอนตัวไม่ได้ ต้องเล่นจนจบ ก็ถือว่าสร้างความบันเทิงได้พอตัว แม้จะปล่อยฉากออกมาในตัวอย่างมาก็บางส่วนเกือบๆ ครึ่งในส่วนของเกมที่เล่น แต่ยังไงก็มาดูเองสนุกกว่า ตัวอย่างแน่นอน

เห็นเขาว่ากันว่า คล้ายๆ เรื่อง "13 เกมสยอง" ของไทย แต่ส่วนตัวไม่ได้ดูก็ไม่รู้ว่าจะเหมือนกันมากน้อยแค่ไหน

ประเด็นที่หนังหยิบมาเล่นเรื่องสื่ออินเทอร์เน็ต ก็ตามที่พิมพ์ไปแต่ต้นแล้วว่าไม่ได้สื่อแบบตรงๆ และโหดร้ายมากนัก แต่ก็รู้สึกได้ว่าเนื้อเรื่องต้องการสื่ออะไร ซึ่งก็ถือว่าโอเคครับ ถ้าผกก.จะเล่นหนักกว่านี้ก็ได้ แต่เท่านี้ก็น่ากลัวนิดๆ แล้วล่ะครับ ภัยจากสื่ออินเทอร์เน็ต โดยรวมก็ถือว่าแนะนำให้ไปรับชมกันครับ

Review By : T.J. @ T.J. Movie Review

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างแรกและนักแสดงทั้งหมดในภาพยนตร์ Saiki Kusuo no Sainan ฉบับ Live Action

หลังจากประกาศสร้างมาตั้งปี 2015 ก็ได้มีการปล่อยตัวอย่างแรกพร้อมเหล่านักแสดงออกมาทั้งหมดแล้ว ตัวอย่างภาพยนตร์ - https://www.youtube.com/watch?v=4tCACKYolrs&t=0s และมีนักแสดงดังต่อไปนี้

"โกไคเจอร์" กลับมาครบทีม ร่วมฉลองซูเปอร์เซนไตซีรี่ส์ครบ 2,000 ตอน

นับตั้งแต่  "ขบวนการ ห้าจอมพิฆาต โกเรนเจอร์"  ได้ออกฉายตั้งแต่วันที่  4 เมษายน 1975  มาจนถึงขบวนการล่าสุด  "ขบวนการ ราชันย์สรรพสัตว์ จูโอเจอร์"  ซึ่งในวันที่  11 กันยายน  ก็จะฉายครบ  2,000 ตอน พอดี ในตอนที่  28-29   (ฉายวันที่ 4 และ 11 ก.ย.)  จึงได้มีตอนพิเศษขึ้นฉลอง โดยตอนพิเศษทั้ง  2  ตอน จะได้นักแสดงจาก  "ขบวนการ โจรสลัด โกไคเจอร์"  กลับมาแบบครบทีม ในรอบ  3 ปีครึ่ง  หลังจากภาพยนตร์  "ขบวนการ จารชน โกบัสเตอร์ ปะทะ ขบวนการ โจรสลัด โกไคเจอร์ เดอะมูฟวี่"

掟上今日子の備忘録。(Okitegami Kyoko no Biboroku) สมุดบันทึกความทรงจำของ โอคิเตะงามิ เคียวโกะ

            ก่อนจะเริ่มต้นวิจารณ์หรือวิเคราะห์ดีล่ะ เลือกไม่ถูก ถ้างั้นใช้เป็นว่า วิเคราะห์ น่าจะเหมาะสมที่สุดล่ะ ต้องขอบอกก่อนว่า ไม่ได้ตามดูซีรี่ส์จากทางฝั่งญี่ปุ่นมานานมากประมาณเกือบ 3 ปีได้ หลังจากซีรี่ส์ “Ando Lloyd - A.I. Knows Love ?” แล้วช่วงนี้ประจวบเหมาะกับไม่มีอะไรดู (เหรอ ? ) เลยลองมานั่งหาซีรี่ส์จากทางญี่ปุ่นดูบ้าง เปลี่ยนแนวจากที่ปกติเดิมจะดูแต่ซีรี่ส์ภาพยนตร์จากทางอเมริกาซะส่วนใหญ่ และ Okitegami Kyoko no Biboroku. เพื่อนก็แนะนำมาตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วก่อนซีรี่ส์จะจบด้วยซ้ำ (ตอนนั้น ฉายไป 8 ตอน ซีรี่ส์มีทั้งหมด 10 ตอน) เขาดูกันไปจะเกือบปีล่ะ ตัวเองพึ่งจะมานั่งดู หยิบขึ้นมาดูเท่านั้นแหละ กลายเป็นติดใจจนเลิกดูไม่ได้ นั่งดูอยู่บนห้องมันทั้งวันนี่แหละครับ ฮา