ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Review : KUBO AND THE TWO STRINGS

Review : KUBO AND THE TWO STRINGS
Score : 8.5/10

"ม้ามืดแห่งปี ห้ามกระพริบตา ห้ามลืมเรื่องราว งาน Stop Motion คือเลอค่า
อนิเมชั่นแห่งปีที่ ห้ามพลาด!"


เรื่องย่อ : Kubo ออกผจญภัยสุดระทึกร่วมกับลิงและด้วง เพื่อปกป้องครอบครัวของเขา เขาออกค้นหา "ชุดเกราะ, ดาบ และหมวกนักรบ" เพื่อที่จะไขปริศนาของพ่อ ซามูไรนักรบผู้ยิ่งใหญ่ที่พลีชีพในสนามรบ คูโบ้ต้องต่อสู้กับเหล่าทวยเทพและอสุรกาย รวมถึง Moon-King ผู้เต็มไปด้วยความอาฆาต และ Evil Twin ปีศาจ เพื่อไขความลับแห่งตำนาน และทำให้ครอบครัวมารวมกันอีกครั้ง

ก่อนจะเริ่มก็ต้องขอขอบคุณบัตรชมภาพยนตร์รอบพิเศษจากทาง UIP Thailand ที่ได้ให้ไปรับชมอนิเมชั่น Stop Motion ม้ามืดแห่งปีด้วยนะครับ

ยอมรับว่า ตอนแรกไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลย หลังจากที่ดูตัวอย่าง แต่พอรู้ว่าเป็นอนิเมชั่นที่สร้างขึ้นด้วยวิธี Stop Motion พร้อมกับเห็นคะแนน Review จากต่างประเทศ พร้อมกับ บ้านเราเป็น 1 ใน 37 ประเทศทั่วโลก ที่ได้รับชมในโรงภาพยนตร์ ก็รู้สึกอยากดูขึ้นมาทันที

ด้านพล็อตเรื่อง ก็ตามตัวอย่างเลยครับ เป็นการผจญภัยของ Kubo ตามหา "ชุดเกราะ, ดาบ และหมวกนักรบ" เพื่อต่อสู้กับ Moon-King & Evil Twin ที่ตามหา Kubo นับตั้งแต่อดีต พร้อมกับปลดล็อคความจริงของครอบครัวที่ไม่เคยรู้มาก่อน

ดูแล้วเข้าใจง่ายดีครับ แทบไม่ซับซ้อนสักเท่าไร จะมาเป็นแนวผจญภัย, ตลก ซะมากกว่า ตามสไตล์อนิเมชั่น มีจุดหักมุมที่แบบเงิบไปนิดๆ เหมือนกัน จะมาก็มาแบบไม่ตั้งตัว แต่ว่า บางจุดที่มาก็มาช้าไปนิด จนไม่ได้เล่าเรื่องขยายความต่อสักเท่าไร ซึ่งโดยรวมก็ถือว่าอนิเมชั่นเรื่องนี้ของค่าย LAIKA ตอบโจทย์ความบันเทิงได้ ไม่แพ้อนิเมชั่นของ Disney เลยทีเดียว

แอบชอบคำโปรยตอนเริ่มเรื่องว่า "ถ้าจะกระพริบตา จงกระพริบตาซะ" ... ลืม "ระหว่างที่เล่าเรื่อง ห้ามลืมเรื่องราว เพราะไม่งั้นตัวละครอาจจะตายได้" จำได้คร่าวๆ แค่นี้แหละครับ แต่ชอบจริงๆ เอาซะไม่ยอมกระพริบตาตอนดูเลย ถ่างตากันไปอีก ฮา

"ความทรงจำจะเป็นเรื่องราวต่อไป แม้จะเราจะไม่อยู่แล้วก็ตาม" เรื่องนี้ จับประเด็นง่ายๆ มาเล่น แล้วแตกเรื่องราวออกมาได้ดีเลย ประโยคที่เขียนไป ถ้ามองภาพง่ายๆ ก็คือ "ประวัติศาสตร์" นี่แหละ เพราะมีเรื่องราวเกิดขึ้น ทำให้เราเลือกที่จะจดจำแล้วก็กลายเป็นความทรงจำ พอเป็นความทรงจำ เราก็จะเล่าเรื่องราวนั้นต่อไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด เรื่องเล่าประวัติศาสตร์ทั้งหลายก็เริ่มต้นมาจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี่แหละครับ

งาน Stop Motion ถือว่าดีมาก ผสมผสานกับ CG ได้ดี มีความสมูทมาก บางจุดที่ดูสะดุดๆ รู้ว่าเป็น Stop Motion แต่ในภาพรวมถือว่าเก็บงานดีมาก โดยเฉพาะ ฉากแอ็คชั่น ที่ไม่คิดว่าจะมันไม่แพ้กับอนิเมชั่นจริงๆ เสียดายที่ว่า จบเร็วไปนิดนึง แต่ก็เข้าใจว่า Stop Motion มันไม่ได้ทำง่ายๆ แค่นี้ก็ถือว่าเจ๋งสุดๆ แล้วครับ สมแล้วกับตำแหน่งม้ามืดแห่งปีจริงๆ

นักแสดงหลักทั้ง 3 ถ้าพูดให้ถูกก็ต้องบอกว่านักพากย์ทั้ง 3 "Art Parkinson (Kubo), Charlize Theron (Monkey) & Matthew McConaughey (Beetle)" ได้เข้ามาช่วยเติมเต็มเรื่องราวได้ดีเลยทีเดียวครับ โดยเฉพาะ McConaughey พี่มาเป็นตัวโจ๊กของเรื่องมาก ฮาจริงอะไรจริง กัดกันกับ Charlize ได้ดีจริงๆ

เพลงประกอบมาแนวดนตรีญี่ปุ่นพอตัว โดยเฉพาะใช้พิณเข้ามาทำเพลงประกอบด้วย ทำให้ได้เพลงประกอบที่ไพเราะ สบายหู ฟังเพลิน และลงตัวกับแต่ล่ะฉากได้เป็นอย่างดีครับ

โดยรวมถือว่าเป็นผลงานชิ้นแรกของผู้ทำอนิเมชั่น (Animator) และ CEO ของค่ายอนิเมชั่น LAIKA ที่ลงมาควบคุมทุกอย่างเอง อย่างเป็นทางการของ "Travis Knight" ที่ถือว่า ทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว พล็อตเรื่องง่ายๆ แต่มีความน่าสนใจ พร้อมกับนักพากย์หลักทั้ง 3 ที่มอบความบันเทิงให้กับเรื่องราวได้เป็นอย่างดี นับว่าเป็นอนิเมชั่นม้ามืดแห่งปีที่ไม่ควรพลาดเลยทีเดียวครับ


"KUBO AND THE TWO STRINGS : คูโบ้และพิณมหัศจรรย์" 
เปิดรอบพิเศษ 1-7 กันยายน เวลา 20.00 น. เป็นต้นไป ฉายจริง 8 กันยายนนี้ ในโรงภาพยนตร์

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างแรกและนักแสดงทั้งหมดในภาพยนตร์ Saiki Kusuo no Sainan ฉบับ Live Action

หลังจากประกาศสร้างมาตั้งปี 2015 ก็ได้มีการปล่อยตัวอย่างแรกพร้อมเหล่านักแสดงออกมาทั้งหมดแล้ว ตัวอย่างภาพยนตร์ - https://www.youtube.com/watch?v=4tCACKYolrs&t=0s และมีนักแสดงดังต่อไปนี้

掟上今日子の備忘録。(Okitegami Kyoko no Biboroku) สมุดบันทึกความทรงจำของ โอคิเตะงามิ เคียวโกะ

            ก่อนจะเริ่มต้นวิจารณ์หรือวิเคราะห์ดีล่ะ เลือกไม่ถูก ถ้างั้นใช้เป็นว่า วิเคราะห์ น่าจะเหมาะสมที่สุดล่ะ ต้องขอบอกก่อนว่า ไม่ได้ตามดูซีรี่ส์จากทางฝั่งญี่ปุ่นมานานมากประมาณเกือบ 3 ปีได้ หลังจากซีรี่ส์ “Ando Lloyd - A.I. Knows Love ?” แล้วช่วงนี้ประจวบเหมาะกับไม่มีอะไรดู (เหรอ ? ) เลยลองมานั่งหาซีรี่ส์จากทางญี่ปุ่นดูบ้าง เปลี่ยนแนวจากที่ปกติเดิมจะดูแต่ซีรี่ส์ภาพยนตร์จากทางอเมริกาซะส่วนใหญ่ และ Okitegami Kyoko no Biboroku. เพื่อนก็แนะนำมาตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วก่อนซีรี่ส์จะจบด้วยซ้ำ (ตอนนั้น ฉายไป 8 ตอน ซีรี่ส์มีทั้งหมด 10 ตอน) เขาดูกันไปจะเกือบปีล่ะ ตัวเองพึ่งจะมานั่งดู หยิบขึ้นมาดูเท่านั้นแหละ กลายเป็นติดใจจนเลิกดูไม่ได้ นั่งดูอยู่บนห้องมันทั้งวันนี่แหละครับ ฮา

Review : Kung Fu Panda 3

Review : Kung Fu Panda 3 Score : 8/10 "ดูเพลิน สนุก ตลกฮา ปนน่ารักของเหล่าแพนด้า ตอนท้ายซึ้งดี พร้อมออกตามหาตัวตน ว่าเรานั้นเป็นใคร?" เรื่องย่อ : การกลับมาของพ่อแพนด้าของโปที่หายสาบสูญไปเมื่อนานมาแล้ว ทั้งคู่กลับมาร่วมทางกันสู่เมืองลับแลของแพนด้า เพื่อพบกับพวกแพนด้าตัวตลกหน้าใหม่ แต่เมื่อจอมวายร้ายผู้อยู่เหนือธรรมชาติอย่าง ไค เริ่มกวาดล้างประเทศจีนด้วยการเอาชนะจ้าวแห่งกังฟูทั้งหมด โพต้องทำสิ่งเหลือเชื่ออย่างการศึกษาวิธีการฝึกฝนเหล่าพี่น้องจอมเซ่อที่น่ารักของเขา เพื่อให้กลายเป็นเหล่าสุดยอดกังฟูแพนด้า!