ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Review : Alice Through The Looking Glass

Review : Alice Through The Looking Glass
Score : 7.5/10

"บันเทิงกว่าภาคแรก งาน CG ยังคง Fantasy สไตล์ Tim Burton แต่ภาพสวยสดขึ้น 
3D ก็เลอค่าไม่แพ้กัน เนื้อเรื่องสะท้อนเรื่องเวลาให้ใช้อย่างคุ้มค่า"


เรื่องย่อ : "Alice Kingsleigh" ใช้เวลา 2-3 ปีที่ผ่านมาเดินตามรอยเท้าของพ่อออกเดินเรือไปสู่ทะเลกว้าง ระหว่างเดินทางกลับสู่ลอนดอน เธอได้พบกับกระจกมหัศจรรย์และได้กลับไปอาณาจักรมหัศจรรย์แห่ง "Underland" และเพื่อนของเธอ "White Rabbit, Absolem, Cheshire Cat & The Mad Hatter" ที่ตอนนี้ไม่ได้เป็นตัวของเขาเอง

"Hatter" ได้สูญเสียลูกบ้าของเขา "Mirana" จึงส่ง "Alice" ออกเดินทางเพื่อไปขอยืม "กงล้อเวลา (Chronosphere)" โลหะทรงกลมภายในหอนาฬิกากลาง ที่ให้พลังกับทุกเวลา การเดินทางย้อนเวลาทำให้เธอได้พบกับเพื่อน และศัตรู ในช่วงเวลาต่างๆของชีวิตพวกเขา และต้องแข่งกับเวลาเพื่อที่จะช่วย "Hatter" ก่อนที่เวลาจะหมดลง

ตอนดูจบออกมาคือ เฮ้ย! มันก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิดนะ แม้มันจะดูแล้วแบบว่า เหมือนเปลืองเวลาที่มาดู (ดูพูดแบบแปลกๆ เนอะ ฮา) แต่ก็ได้อะไรกลับไปจากเรื่องนี้พอตัวเลยทีเดียวครับ

- สำหรับด้านเนื้อเรื่อง "Through The Looking Glass" ตอนดูๆ ก็รู้สึกว่าชื่อไม่ได้เข้าอะไรกับตัวหนังเลย แต่พอลองมานึกดูดีๆ มันสอดคล้องกับ "เวลา" แก่นหลักของเรื่องที่เรื่องนี้ต้องการจะสื่อ โดยเรื่องนี้ได้ตีความ "เวลา" ออกมาเป็นในรูปแบบของทะเล, เกลียวคลื่น ที่ไหลผ่านไป แล้วถามว่ามันเกี่ยวอะไรกับกระจก น้ำก็สามารถมองสะท้อนได้เช่นเดียวกันเหมือนกับกระจกให้เรามองดูตัวเราเองได้เช่นกัน

- "เวลา" เป็นสิ่งที่ผ่านไปแล้ว ไม่สามารถหวนคืนหรือย้อนอดีต เพื่อที่จะกลับไปแก้ไขเรื่องราวที่ผิดพลาดได้ มีแต่ต้องยอมรับและเรียนรู้ โดยการมองย้อนกลับไปดู และเปลี่ยนแปลง สิ่งที่ผิดพลาดในอดีตไป เพื่อไม่ให้เกิดซ้ำอีกในอนาคต หรือสิ่งที่ดีอยู่แล้วก็พัฒนาขึ้นไปอีก เป็นของขวัญล้ำค่าที่สุดในชีวิต เป็นสิ่งที่เรื่องราวเรื่องนี้ ต้องการนำเสนอออกมา

- เชื่อว่า ทุกคนก็อยากที่จะย้อนอดีตเพื่อกลับไปแก้ไขเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในอดีต โดยที่เราไม่อยากให้เกิดขึ้นทั้งนั้น แต่มันเกิดไปแล้ว เราก็มองดูและหาข้อผิดพลาดตรงนั้นมาแก้ไขให้ไม่เกิดขึ้นอีกนี่แหละครับ

- สำหรับนักแสดงเรื่องนี้ก็ได้ชุดเดิมกลับมาทั้งหมด พร้อมพ่วงด้วย สมาชิกคนใหม่อย่าง "Sacha Baron Cohen" ซึ่งรับบทเป็น "เวลา (Time)" ตัวละครผู้ควบคุมและดูแลเวลาทั้งหมดใน Underland "Mia Wasikowska" ดูเล่นดีขึ้นมากกว่าภาคที่แล้วพอตัวเลยครับ รู้สึกชอบนางในภาคนี้มากกว่าภาคที่แล้วอีก ยังบ๊องๆ เหมือนเดิม แต่ดูแล้วมีอารมณ์ขัน และชีวิตชีวามากกว่าภาคที่แล้ว ที่ซึ่งไม่ค่อยจะมีชีวิตชีวาตามเรื่องราวเลย "Johnny Depp" รู้สึกภาคนี้ จะบ้าๆ บอๆ กว่าภาคที่แล้วมาก ดูเป็นคนบ้าไร้สมองจริงจัง แต่ก็โอเคดีครับ

ย้อนกลับไปที่ "Sacha Baron Cohen" ที่มารับบทเป็นตัวละครใหม่ของเรื่อง "เวลา (Time)" เป็นตัวละครที่ไม่ค่อยมีอะไรน่าจดจำเท่าไร แต่สิ่งที่ตัวละครตัวนี้ได้สอนเอาไว้คือเรื่องเวลาตามแก่นหลักนี่แหละครับ รวมไปถึง มนุษย์เราที่ไม่เคยรู้ว่า เวลา มีหน้าตาเป็นยังไง? พอได้รู้ปุ๊บ ก็กลับมาเชื่อ ก็เป็นอะไรที่สร้างสีสันให้กับเรื่องราวได้ดีเลย...

- เพลงประกอบภาพยนตร์ ก็ยังคงประพันธ์โดย "Danny Elfman" จากภาคแรกเหมือนเช่นเคย ส่วนตัวรู้สึกว่า ดูน่าจดจำและเป็นการผจญภัยมากกว่าภาคแรกอีก ทั้งที่บางส่วนก็มีใช้เพลงเดิมจากภาคแรกอยู่ แต่เพลงลงตัวกับหนังมากกว่าภาคแรกจริงๆ...

- งานภาพ CG ก็ยังคงความเป็น Fantasy หม่นๆ สไตล์ "Tim Burton" เหมือนเดิม แต่ว่า ภาคนี้เนื้อเรื่องดูสดใสมากขึ้น โทนภาพก็เปลี่ยนจากมืดหม่นในภาคที่แล้ว มาสวยสดแทน ซึ่งสวยสดมาก ถึงขนาดที่ว่า ตรงข้ามกับภาคที่แล้วที่มืดหม่นแบบสิ้นเชิงเลยครับ แต่ส่วนตัวชอบมาก โดยเฉพาะฉากทะเลแห่งกาลเวลา ร้องว้าวในใจตอนเห็นเต็มๆ ตาในโรงครั้งแรก เพราะตอนดูตัวอย่างแล้วเฉยๆ ไม่ค่อยอะไรเท่าไร แต่พอมาดูแหละครับ อือหือ ชอบมาก!!! (ภาคนี้ "Tim Burton" ไม่ได้เป็นผู้กำกับ แต่เปลี่ยนเป็น "James Bobin" แทนนะครับ)

- 3D เรื่องนี้ก็ขอแนะนำเลย ภาพอาจจะไม่ได้ทะลุออกมานอกจอตามคุณสมบัติที่จะขายของ 3D แต่ความนูนลึกในภาพมาจัดเต็มมาก ไม่ได้เรียบเป็นเนื้อเดียวกัน ตัวละครพอยืนซ้อนเป็นฉากพูดคุยกัน ถ่ายผ่านช่วงไหล่ เห็นเลยว่า 2 ตัวละคร แยกออกจากกันเลย ถือว่า เป็น 3D ที่ใช้ได้เลยครับ

โดยรวมถือว่า "Alice Through The Looking Glass" ก็เป็นภาพยนตร์ที่สนุกและให้ความบันเทิงได้ดีครับ ถึงแม้จะคิดว่า ไม่ทำก็จบเรื่องแล้ว แต่ว่า การกระทำที่เกิดขึ้นในเรื่องราวนั้น ก็ต้องการสอนให้เราใช้ "เวลา" ทุกชั่วโมง, ทุกนาที และทุกวินาที ที่ได้รับเป็นของขวัญอันล้ำค่ามาตั้งแต่กำเนิดให้คุ้มค่ามากที่สุดครับ แล้วก็ 3D เรื่องนี้แนะนำจริงๆ นะครับ งานภาพดีมาก!!!

สุดท้ายนี้ก็ต้องขอขอบคุณบัตรชมภาพยนตร์รอบพิเศษจากทาง Disney ที่ได้ส่งกลับเข้าสู่ "Underland" เป็นครั้งสุดท้ายสำหรับเรื่องราวการผจญภัยของ "Alice" ด้วยครับ

"Alice Through The Looking Glass : อลิซ ผจญภัยมหัศจรรย์เมืองกระจก" 
มีกำหนดฉาย 11 สิงหาคมนี้ ในระบบ Digital 2D, REALD 3D & 4DX

Review By : T.J. @ T.J. MOVIE REVIEW 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างแรกและนักแสดงทั้งหมดในภาพยนตร์ Saiki Kusuo no Sainan ฉบับ Live Action

หลังจากประกาศสร้างมาตั้งปี 2015 ก็ได้มีการปล่อยตัวอย่างแรกพร้อมเหล่านักแสดงออกมาทั้งหมดแล้ว ตัวอย่างภาพยนตร์ - https://www.youtube.com/watch?v=4tCACKYolrs&t=0s และมีนักแสดงดังต่อไปนี้

"โกไคเจอร์" กลับมาครบทีม ร่วมฉลองซูเปอร์เซนไตซีรี่ส์ครบ 2,000 ตอน

นับตั้งแต่  "ขบวนการ ห้าจอมพิฆาต โกเรนเจอร์"  ได้ออกฉายตั้งแต่วันที่  4 เมษายน 1975  มาจนถึงขบวนการล่าสุด  "ขบวนการ ราชันย์สรรพสัตว์ จูโอเจอร์"  ซึ่งในวันที่  11 กันยายน  ก็จะฉายครบ  2,000 ตอน พอดี ในตอนที่  28-29   (ฉายวันที่ 4 และ 11 ก.ย.)  จึงได้มีตอนพิเศษขึ้นฉลอง โดยตอนพิเศษทั้ง  2  ตอน จะได้นักแสดงจาก  "ขบวนการ โจรสลัด โกไคเจอร์"  กลับมาแบบครบทีม ในรอบ  3 ปีครึ่ง  หลังจากภาพยนตร์  "ขบวนการ จารชน โกบัสเตอร์ ปะทะ ขบวนการ โจรสลัด โกไคเจอร์ เดอะมูฟวี่"

掟上今日子の備忘録。(Okitegami Kyoko no Biboroku) สมุดบันทึกความทรงจำของ โอคิเตะงามิ เคียวโกะ

            ก่อนจะเริ่มต้นวิจารณ์หรือวิเคราะห์ดีล่ะ เลือกไม่ถูก ถ้างั้นใช้เป็นว่า วิเคราะห์ น่าจะเหมาะสมที่สุดล่ะ ต้องขอบอกก่อนว่า ไม่ได้ตามดูซีรี่ส์จากทางฝั่งญี่ปุ่นมานานมากประมาณเกือบ 3 ปีได้ หลังจากซีรี่ส์ “Ando Lloyd - A.I. Knows Love ?” แล้วช่วงนี้ประจวบเหมาะกับไม่มีอะไรดู (เหรอ ? ) เลยลองมานั่งหาซีรี่ส์จากทางญี่ปุ่นดูบ้าง เปลี่ยนแนวจากที่ปกติเดิมจะดูแต่ซีรี่ส์ภาพยนตร์จากทางอเมริกาซะส่วนใหญ่ และ Okitegami Kyoko no Biboroku. เพื่อนก็แนะนำมาตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วก่อนซีรี่ส์จะจบด้วยซ้ำ (ตอนนั้น ฉายไป 8 ตอน ซีรี่ส์มีทั้งหมด 10 ตอน) เขาดูกันไปจะเกือบปีล่ะ ตัวเองพึ่งจะมานั่งดู หยิบขึ้นมาดูเท่านั้นแหละ กลายเป็นติดใจจนเลิกดูไม่ได้ นั่งดูอยู่บนห้องมันทั้งวันนี่แหละครับ ฮา