ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Review : Alice in Wonderland

Review : Alice in Wonderland [Movie 2010]
Score : 7/10

“Fantasy มืดหม่น ตามสไตล์ผกก.Tim Burton เดินเรื่องเรื่อยๆ เอื่อยนิดๆ แต่ก็สนุก”


เรื่องย่อ : Alice ในวัย 19 ปี ได้กลับเข้าไปยังดินแดนใต้พิภพโดยบังเอิญ สถานที่ซึ่งเธอเคยเข้าไปแล้วเมื่อ 13 ปีที่แล้ว เธอกล่าวว่าเธอเป็นเพียงผู้เดียวที่สามารถสยบ Jabberwocky มังกรร้ายที่ควบคุมโดย Red Queen และคืนความสงบสุขในกับ Underland อีกครั้ง

“Alice's Adventures in Wonderland” หรือในชื่อย่อว่า “Alice in Wonderland” ภาพยนตร์ที่สร้างจากนวนิยายของ “Lewis Carrol” ตีพิมพ์ในปี 1865 ซึ่งฉบับหนังก็ใช้ชื่อย่อของหนังสือเป็นชื่อภาพยนตร์ โดยได้ "Linda Woolverton" มือเขียนบทจาก "The Lion King" มาเขียนบท และถ่ายทอดเรื่องราวการผจญภัยโดย ผกก.Tim Burton

และภาพยนตร์ภาคต่อก็กำลังออกฉายในปี 2016 โดยใช้ชื่อ “Alice Through the Looking Glass” ดัดแปลงจากหนังสือเล่มที่ 2 “Through the Looking-Glass” ตีพิมพ์ในปี 1871 ซึ่งภาคต่อนี้ได้เปลี่ยนตัวผู้กำกับจาก "Tim Burton" ที่ลงไปเป็นผู้อำนวยการสร้าง (Producer) แทน มาเป็นผกก.James Bobin จาก "The Muppets" และยังคงเขียนบทโดย "Linda Woolverton" เช่นเคย แต่ก่อนหน้าที่จะไปรับชมภาคต่อ ก็มาย้อนความกับภาคแรกกันสักนิดนึงกันดีกว่าครับ

- ในด้านเนื้อเรื่อง จะพูดถึง Alice ในตอนโต ที่ได้ไปยัง Wonderland หรือจริงๆ คือ Underland ซึ่งเกิดจากการฟังผิดในวัยเด็ก เพื่อออกเดินทางตามชะตาลิขิตที่ได้กำหนดมาให้เธอ นั่นก็คือการโค่น Jabberwocky มังกรชั่วร้ายที่อยู่ภายใต้การควบคุมของ Red Queen ในวันแห่งศึกมหัศจรรย์ และนำความสงบสุขกลับมาสู่ Underland อีกครั้ง

- เนื้อเรื่องเล่าเป็นเส้นตรง ไม่ซับซ้อนอะไรมากมาย Alice ได้ทำการออกผจญภัยใน Underland เพื่อตามหาสิ่งทที่จะมาสยบ Jabberwocky นั่นก็คือดาบวอร์พัล โดยการผจญภัยก็เจอกับเหล่าเพื่อนที่เธอเคยได้พบเจอในตอนวัยเด็กไม่ว่าจะเป็น Mad Hatter, White Rabbit, Tweedledee and Tweedledum, Caterpillar, Cheshire Cat ซึ่งเป็นคนที่ช่วยเธอในการผจญภัย พร้อมการเชื่อมั่นว่า การทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้

แม้จะเดินเรื่องเรื่อยๆ เอื่อยๆ นิดนึง แต่ก็น่าติดตามตลอดทั้งเรื่อง ไม่ได้ชวนง่วงอะไรแม้แต่น้อย และก็ถ่ายทอดออกมาสไตล์ผกก.Tim Burton ที่จะต้องมืดหม่นหน่อยๆ ซึ่งเข้ากับบรรยากาศของเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดีครับ

- งาน CG ถือว่า เก็บรายละเอียดได้ดี ไม่ว่าจะเป็นป่าใน Underland, ปราสาทของ Red Queen & White Queen, ขนาดหัวอันแสนจะใหญ่โตของ Red Queen ตัวละคร CG ต่างๆ ในเรื่อง และอื่นๆ อีกมากมาย รวมไปถึงอุปกรณ์ประกอบฉากที่ทำขึ้นมาทั้งสำหรับนักแสดงประกอบในเรื่อง รวมไปถึง Alice ในตอนที่ตัวเล็กและสูงขนาด 2.5 เมตร และตัวละครอื่นๆ ในเรื่องด้วย

- สำหรับนักแสดงนำของเรื่อง “Mia Wasikowska” ที่รับบทเป็น “Alice Kingsleigh” ก็เล่นออกมาได้โอเคอยู่ครับ อาจจะดูแข็งๆ ไปนิดนึง แต่ตัวละครกลับเข้าไป Underland อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเธอเคยเข้ามาแล้วในตอนเด็ก ก็มีแปลกใจบ้างว่า ทำไมความฝันถึงเหมือนจริงเช่นนี้? ก็ถือว่าเหมาะแล้วแหละครับ กับความงงๆ ที่อยู่ในความฝันแล้วอยู่ดีๆ มาเจอจริงๆ กับตัว ก็อึ้งๆ เป๋อๆ ไปเหมือนกัน

- ด้านเพลงประกอบที่ประพันธ์โดย “Danny Elfman” ก็ช่วยปรุงแต่งเรื่องราวการผจญภัยใน Wonderland รวมไปถึงความมืดหม่นของผกก.Tim Burton ได้ดีในระดับนึงเลยครับ

โดยภาพรวมของ “Alice in Wonderland” ก็ถือว่าเป็นภาพยนตร์แนว Fantasy ที่เหมาะกับผกก.Tim Burton ในการมาถ่ายทอดเรื่องราวแล้วจริงๆ  โทนภาพออกแนวหม่นๆ เข้ากับเรื่องราวได้ดี เดินเรื่องเรื่อยๆ เอื่อยๆ แต่ก็สนุก ไม่ได้มีความน่าเบื่อจนถึงขนาดง่วงนอนเลย นับว่า เป็นภาพยนตร์ของ Disney ที่ไม่ควรพลาดกับงาน CG ดีๆ ด้วย รับชมไว้เบื้องต้นก่อนที่จะไปดู “Alice Through the Looking Glass” ที่กำลังเข้าฉาย 11 สิงหาคมนี้ ก็ดีครับ

Review By : T.J. @ T.J. MOVIE REVIEW

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างแรกและนักแสดงทั้งหมดในภาพยนตร์ Saiki Kusuo no Sainan ฉบับ Live Action

หลังจากประกาศสร้างมาตั้งปี 2015 ก็ได้มีการปล่อยตัวอย่างแรกพร้อมเหล่านักแสดงออกมาทั้งหมดแล้ว ตัวอย่างภาพยนตร์ - https://www.youtube.com/watch?v=4tCACKYolrs&t=0s และมีนักแสดงดังต่อไปนี้

掟上今日子の備忘録。(Okitegami Kyoko no Biboroku) สมุดบันทึกความทรงจำของ โอคิเตะงามิ เคียวโกะ

            ก่อนจะเริ่มต้นวิจารณ์หรือวิเคราะห์ดีล่ะ เลือกไม่ถูก ถ้างั้นใช้เป็นว่า วิเคราะห์ น่าจะเหมาะสมที่สุดล่ะ ต้องขอบอกก่อนว่า ไม่ได้ตามดูซีรี่ส์จากทางฝั่งญี่ปุ่นมานานมากประมาณเกือบ 3 ปีได้ หลังจากซีรี่ส์ “Ando Lloyd - A.I. Knows Love ?” แล้วช่วงนี้ประจวบเหมาะกับไม่มีอะไรดู (เหรอ ? ) เลยลองมานั่งหาซีรี่ส์จากทางญี่ปุ่นดูบ้าง เปลี่ยนแนวจากที่ปกติเดิมจะดูแต่ซีรี่ส์ภาพยนตร์จากทางอเมริกาซะส่วนใหญ่ และ Okitegami Kyoko no Biboroku. เพื่อนก็แนะนำมาตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วก่อนซีรี่ส์จะจบด้วยซ้ำ (ตอนนั้น ฉายไป 8 ตอน ซีรี่ส์มีทั้งหมด 10 ตอน) เขาดูกันไปจะเกือบปีล่ะ ตัวเองพึ่งจะมานั่งดู หยิบขึ้นมาดูเท่านั้นแหละ กลายเป็นติดใจจนเลิกดูไม่ได้ นั่งดูอยู่บนห้องมันทั้งวันนี่แหละครับ ฮา

Review : Kung Fu Panda 3

Review : Kung Fu Panda 3 Score : 8/10 "ดูเพลิน สนุก ตลกฮา ปนน่ารักของเหล่าแพนด้า ตอนท้ายซึ้งดี พร้อมออกตามหาตัวตน ว่าเรานั้นเป็นใคร?" เรื่องย่อ : การกลับมาของพ่อแพนด้าของโปที่หายสาบสูญไปเมื่อนานมาแล้ว ทั้งคู่กลับมาร่วมทางกันสู่เมืองลับแลของแพนด้า เพื่อพบกับพวกแพนด้าตัวตลกหน้าใหม่ แต่เมื่อจอมวายร้ายผู้อยู่เหนือธรรมชาติอย่าง ไค เริ่มกวาดล้างประเทศจีนด้วยการเอาชนะจ้าวแห่งกังฟูทั้งหมด โพต้องทำสิ่งเหลือเชื่ออย่างการศึกษาวิธีการฝึกฝนเหล่าพี่น้องจอมเซ่อที่น่ารักของเขา เพื่อให้กลายเป็นเหล่าสุดยอดกังฟูแพนด้า!