ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Review : ROGUE ONE - A STAR WARS STORY

Review : ROGUE ONE - A STAR WARS STORY
Score : 9/10

"Action โคตรมันส์ ยกระดับสู่คำว่า "WAR" ของจริง ช่วง Climax ยันจบเรื่องอย่างพีค
เชื่อมต่อ A New Hope ได้อย่างสมบูรณ์แบบ"


เรื่องย่อ : "Jyn Erso" ผู้นำทีม Rogue One ทำภารกิจเสี่ยงตายเพื่อแลกกับอิสรภาพของจักรวาล กับปฏิบัติการขโมยแบบแปลนของ "Death Star" ที่ได้ชื่อว่าเป็นอาวุธอันทรงพลังที่สุดของ "Galactic Empire"



"A long time ago in a galaxy far far away... : นานมาแล้ว ในกาแล็คซีอันไกลโพ้น..."

- ด้านเนื้อเรื่อง อย่างที่รู้กันว่า นี่คือหนังที่ขยายเรื่องราวการชิงแบบแปลน "Death Star"  ซึ่งก็ต้องยอมรับว่า มันก็ขยายเรื่องราวเพิ่มขึ้นมาจริงๆ ครับ แต่ว่า เรื่องราวจะมีบางจุดที่ไม่เชื่อมโยงสักเท่าไร นึกจะใส่มาก็ใส่มาแบบงงๆ เลย ช่วงแรกเดินเรื่องไวมาจนเกือบจะจับจุดแทบไม่ทัน พร้อมกับ Jump เนื้อเรื่องไปๆ มาๆ ดูแล้วต้องตั้งสตินิดนึงครับ

มีการพูดถึงเรื่องพลังเยอะมาก พอตัวในภาคนี้ จนแอบรู้สึกไม่ชอบเบาๆ  เพราะ STAR WARS ตลอดทุกภาคที่ผ่าน ไม่ได้พูดพร่ำเพื่อขนาดนี้ ส่วนใหญ่จะมาเป็นในลักษณะเป็นคำสอนหรือไม่ก็การกระทำที่แสดงออกมาให้เห็นซะมากกว่า แต่อันนี้พูดกันรู้สึกได้เลยว่า บางอย่างมันไม่เกี่ยวกับพลังแต่ก็การยัดเยียดเข้ามาให้พูด ซึ่งไม่ค่อยจะโอเคสักเท่าไรครับ

พอเข้าองก์ 3 ช่วง Climax จนถึงตอนจบ ยอมรับ ช่วงนี้คือช่วงที่ดีที่สุดจริงๆเหมือนมาแก้ตัวจากจุดที่พัง ด้วยแผนการรบที่เสี่ยงตายของจริง เป็นอะไรที่โคตรพีคมาก ซึ่งมาพร้อมกับฉาก Action ที่เรียกว่าเป็น The Best ของ STAR WARS เลยก็ว่าได้ เป็น WAR ขึ้นมาจริงๆ และเต็มรูปแบบด้วย

- ตลอดทั้งเรื่อง เราจะได้เห็นภาพสะท้อนของสงครามจริงๆ ไม่ว่าจะเป็น Rebel หรือ Empire ที่ต่างก็มีการเมืองภายในกันทั้งสิ้น มีนัยยะแฝงในการทำแต่ล่ะสิ่งแต่ล่ะอย่าง ไม่มีฝ่ายไหนดี ฝ่ายไหนเลว ทั้ง 2 ฝ่ายอยู่กึ่งกลางเท่ากันหมด ยอมทำทุกอย่างเพื่อที่จะให้ภารกิจสำเร็จ แต่ภาพสะท้อนตรงนี้ ถูกปรับ Soft ลงไปเยอะพอตัว ส่วนนึงก็คงเพราะอยู่กับทาง Disney ด้วย ซึ่งยังไงก็ต้องเน้นขายกลุ่มเด็กและครอบครัวไว้ก่อน ก็ไม่ค่อยจะแปลกใจสักเท่าไร สำหรับการโดน Reshoot ไปครึ่งเรื่องครับ

- เนื้อเรื่องสามารถเชื่อมกับฉากเปิดของ A New Hope ได้สมบูรณ์แบบจริงๆ ครับ ตอนดูนี่นั่งร้องไห้เลย ไม่คาดคิดว่าจะเชื่อมต่อได้แบบเนียนเป๊ะจริงๆ คือดู Rogue One จบ ไปเปิด A New Hope ดูต่อได้ทันทีเลย...

- Easter Egg ในเรื่องนี้มีเยอะมาก ซึ่งจะไปเชื่อมกับ STAR WARS ในภาคต่างๆ รวมไปถึง Animation "STAR WARS : Rebels" ด้วย แต่เห็นที่เชื่อมได้ชัดที่สุดก็จะเป็นภาค 3-4 ครับ

- แนะนำก่อนว่า ถ้าจะไปดู Rogue One ควรที่จะทำการบ้านด้วยการดู Episode III & IV มาก่อน เพราะไม่งั้นจะไม่รู้เรื่องในส่วนของ Easter Egg ที่ใส่เข้ามา จะนั่งมึนในโรงอย่างแน่นอน

- ท่านพ่อ Vader ก็มา อย่างที่ได้รู้กันจากในตัวอย่าง ซึ่งในหนังจริงๆ พีคกว่าเยอะมากครับ ตอนดูนี่อยากจะกรี๊ดลั่นโรง ไม่รู้จะอธิบายยังไงจริงๆ เป็นสิ่งที่รอคอยและอยากจะเห็นมากที่สุด แล้วก็ได้เห็นแล้ว เป็นอีก 1 หน้าตำนานของ STAR WARS แน่นอน

- K-2SO & Chirrut Îmwe (ชิรุต อิมเวย์) เป็น 2 ตัวละครที่ดีที่สุดของเรื่องล่ะครับ ตัวละครอื่นถูกเบียดรัศมีหมด เมื่อเจอ 2 ตัวละครนี้เข้าไป


- งาน CG ต้องยอมใจทั้งวิสัยทัศน์ของผู้กำกับ "Gareth Edwards" และทีมงานที่ช่วยกันปั้นขึ้นมาจริงๆ Gareth บอกว่า จะนำความรู้สึกที่มีในภาค 4 มา ซึ่งพี่แกก็ทำออกมาได้เป๊ะแบบเป๊ะเวอร์ ผสมผสาน CG ยุคใหม่และยุคเก่าได้เป็นอย่างดี Perfect แบบสุดๆ ไปเลยครับ แฟนๆ STAR WARS มีกรี๊ดกันแน่นอน

- เพลงประกอบประพันธ์โดย "Micheal Giacchino" จาก "STAR TREK Trilogy" ซึ่งเข้ามาแทนที่ "Alexandre Desplat" เนื่องจากการ Reshoot ใหม่ ทำให้ตารางเวลาในการทำงานไม่ตรงกัน เป็นครั้งแรกที่ดูแล้วรู้สึกว่า เพลงประกอบมีแทบจะทุกช่วงจังหวะในหนัง และบางจุด ดูแล้วพี่ไม่ต้องใส่มาก็ได้ แต่ในช่วงท้ายของเรื่องที่เป็นอภิมหาสงคราม เพลงประกอบสร้างอารมณ์ร่วมให้แก่หนังเป็นอย่างมากเลยครับ

สุดท้ายนี้ แม้ว่า Rogue One จะสอบตกและพังทลายด้วยเนื้อเรื่อง แต่ Action คือการที่ยกระดับขึ้นไปถึงจุดที่เรียกว่า WAR ได้จริงๆ และมี Easter Egg ต่างๆ มากมาย รวมไปถึงตอนจบที่สามารถเชื่อมต่อ A New Hope ได้อย่างสมบูรณ์แบบจริงๆ ครับ ยังไงก็ลองไปพิสูจน์กันด้วยตาของคุณเองกันในโรงภาพยนตร์กันนะครับ

"ROGUE ONE : A STAR WARS STORY"
15 ธันวาคม นี้ ในระบบ 2D, REALD 3D, IMAX 3D, 4DX & MX4D

Review By : T.J. @ T.J. MOVIE REVIEW

"May the force be with you. : ขอพลังจงสถิตย์อยู่กับท่าน"

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างแรกและนักแสดงทั้งหมดในภาพยนตร์ Saiki Kusuo no Sainan ฉบับ Live Action

หลังจากประกาศสร้างมาตั้งปี 2015 ก็ได้มีการปล่อยตัวอย่างแรกพร้อมเหล่านักแสดงออกมาทั้งหมดแล้ว ตัวอย่างภาพยนตร์ - https://www.youtube.com/watch?v=4tCACKYolrs&t=0s และมีนักแสดงดังต่อไปนี้

掟上今日子の備忘録。(Okitegami Kyoko no Biboroku) สมุดบันทึกความทรงจำของ โอคิเตะงามิ เคียวโกะ

            ก่อนจะเริ่มต้นวิจารณ์หรือวิเคราะห์ดีล่ะ เลือกไม่ถูก ถ้างั้นใช้เป็นว่า วิเคราะห์ น่าจะเหมาะสมที่สุดล่ะ ต้องขอบอกก่อนว่า ไม่ได้ตามดูซีรี่ส์จากทางฝั่งญี่ปุ่นมานานมากประมาณเกือบ 3 ปีได้ หลังจากซีรี่ส์ “Ando Lloyd - A.I. Knows Love ?” แล้วช่วงนี้ประจวบเหมาะกับไม่มีอะไรดู (เหรอ ? ) เลยลองมานั่งหาซีรี่ส์จากทางญี่ปุ่นดูบ้าง เปลี่ยนแนวจากที่ปกติเดิมจะดูแต่ซีรี่ส์ภาพยนตร์จากทางอเมริกาซะส่วนใหญ่ และ Okitegami Kyoko no Biboroku. เพื่อนก็แนะนำมาตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วก่อนซีรี่ส์จะจบด้วยซ้ำ (ตอนนั้น ฉายไป 8 ตอน ซีรี่ส์มีทั้งหมด 10 ตอน) เขาดูกันไปจะเกือบปีล่ะ ตัวเองพึ่งจะมานั่งดู หยิบขึ้นมาดูเท่านั้นแหละ กลายเป็นติดใจจนเลิกดูไม่ได้ นั่งดูอยู่บนห้องมันทั้งวันนี่แหละครับ ฮา

Review : Kung Fu Panda 3

Review : Kung Fu Panda 3 Score : 8/10 "ดูเพลิน สนุก ตลกฮา ปนน่ารักของเหล่าแพนด้า ตอนท้ายซึ้งดี พร้อมออกตามหาตัวตน ว่าเรานั้นเป็นใคร?" เรื่องย่อ : การกลับมาของพ่อแพนด้าของโปที่หายสาบสูญไปเมื่อนานมาแล้ว ทั้งคู่กลับมาร่วมทางกันสู่เมืองลับแลของแพนด้า เพื่อพบกับพวกแพนด้าตัวตลกหน้าใหม่ แต่เมื่อจอมวายร้ายผู้อยู่เหนือธรรมชาติอย่าง ไค เริ่มกวาดล้างประเทศจีนด้วยการเอาชนะจ้าวแห่งกังฟูทั้งหมด โพต้องทำสิ่งเหลือเชื่ออย่างการศึกษาวิธีการฝึกฝนเหล่าพี่น้องจอมเซ่อที่น่ารักของเขา เพื่อให้กลายเป็นเหล่าสุดยอดกังฟูแพนด้า!