ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Review : Arrival

Review : Arrival
Score : 9/10

"พล็อตเรื่องอย่างล้ำ ดูจบแล้วต้องออกมาตีความกันต่อ
หนังไซไฟที่ไม่มีแอ็คชั่น แต่โคตรสนุก ตอนจบโคตรพีค"


เรื่องย่อ : เมื่อยานลึกลับไม่ปรากฎที่มา ได้มาจอดยังสถานที่ต่างๆทั่วโลก ทางการทหารได้เรียกตัว "Louise Banks" ผู้เชี่ยวชาญด้านการแปลภาษาและการตีความ พร้อมกับนักวิทยาศาสตร์ชื่อ "Ian Donnelly" เพื่อร่วมมือกันค้นหาความจริงว่าผู้มาเยือนในครั้งนี้จะมาดีหรือมาร้าย

- ตอนแรกก็คิดๆ อยู่ว่า จะโอเคกับเรื่องนี้ไหม? เพราะงานล่าสุดของผู้กำกับ "Denis Villeneuve" ก็คือเรื่อง "Sicario" ซึ่งเป็นหนังที่ดูแล้วไม่ชอบมาก มีอะไรแฝงไว้เยอะพอตัว และจำได้เลยว่าหลับด้วย แต่สำหรับเรื่องนี้ ถือว่าชอบเลย อาจจะมีหลายๆ อย่างที่ต้องตีความ แต่ก็ไม่ได้ยากจนเกินไปที่จะเข้าใจ และยิ่งเล่นเกี่ยวกับเรื่อง "ภาษา" ยิ่งเป็นอะไรที่สนุกครับ

- พล็อตเรื่องเป็นอะไรที่ล้ำกว่าที่คิดไว้มาก ดูจากตัวอย่าง นึกว่าจะเป็นหนังไซไฟ-แอ็คชั่น เพราะมีฉากที่นางเอกถอดความภาษาต่างดาวได้ว่า "เสนออาวุธ" ก็คิดว่า ตอนจบจะต้องยิงกันเละเทะแน่นอน แต่ความจริงไม่ใช่อย่างงั้นเลย

- เรื่องราวทั้งหลายทั้งปวงที่ปรากฎให้เห็นทั้งหมด วางพล็อตเรื่องมาเป็นอย่างดี คล้ายๆ กับ Interstellar บางส่วน ไม่ได้เหมือนทั้งหมด ซึ่งตอนที่เฉลยทุกอย่างก็ตกใจไม่น้อยเหมือนกันทั้ง 2 เรื่อง ต้องบอกอีกว่า ตอนดูนี่หลับไม่ได้เลย ถ้าหลับปุ๊บจะตกส่วนใดส่วนนึงของเรื่องราวทันที เพราะทุกอย่างโยงเข้าหากันหมดจริงๆ เหมือน Interstellar เลย หลับปุ๊บ ได้เสียเงินดูใหม่อีกรอบ ไม่ก็รอแผ่นออกแล้วค่อยไปซื้อเลยก็ได้ครัย ง่ายดี ฮา

- สิ่งที่เรื่องนี้ต้องการจะสื่อ "ภาษาคืออาวุธ ที่จะเป็นประตูเบิกทางสู่ความยิ่งใหญ่และหายนะได้ในคราวเดียวกัน" ดูจบออกมาแล้ว ก็ยังต้องมาตีความกันต่อจริงๆ ว่า เรื่องนี้มันต้องการสื่ออะไรจากภาษากันแน่ ซึ่งสำหรับผู้เขียน ก็ตีความได้ตามนั้นครับ ตามจริงยังมีอีกประเด็นนึง แต่บอกไม่ได้ เพราะถ้าบอกไป ก็สปอยล์หนังเต็มรูปแบบเลยครับ

จะเห็นได้ว่า ในแทบจะทุกเหตุการณ์ต่างๆ บนโลก ที่เป็นเหตุการณ์ทั้งดีและไม่ดี ส่วนใหญ่จะเริ่มจากภาษาทั้งนั้น ซึ่งภาษาที่ว่าก็คือ สิ่งที่เราสื่อออกไปทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น การพูด, การเขียน, การพิมพ์ หรืออะไรอีกมากมายที่สามารถสื่อความหมายของภาษานั้นออกมาได้ ล้วนแต่ทำให้เกิดผลกระทบเพื่อเกิดเหตุการณ์หรือการกระทำต่อไป เปรียบเสมือนกับอาวุธที่สามารถชี้นำสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปได้ ว่าจะไปในทิศทางไหน? บวก หรือ ลบ?

ซึ่งการตีความภาษา การถอดความภาษา เป็นสิ่งสำคัญ ที่จะทำให้ทุกคนบนโลกสามารถเข้าใจเป็นหนึ่งเดียวกันได้ เพราะภาษาเราพูดอย่างนึง แต่คนฟังอาจจะคิดเป็นอีกอย่างนึง หรือถ้าพูดง่ายๆ ก็คือ ภาษามันดิ้นได้นั่นเอง โดยในเรื่องนี้ มนุษย์แม่งตีกัน จะไปรบกับเอเลี่ยนกันรัวๆ แทบไม่ต้องมีพิธีรีตรองอะไรเลย อันเนื่องมาจากการถอดภาษาที่ต่างกันไป ดังนั้น การถอดความภาษาเอเลี่ยน จึงเป็นอะไรที่โคตรมันส์มาก และคนที่เรียนภาษาทุกคนก็คงจะเข้าใจกันดีว่า ทำไมพอเราไปเรียนรู้ภาษาอื่นแล้วมันยากจัง เรียนไม่รู้เรื่องสักที เรื่องนี้ก็จะบอกตรงนั้นให้รู้ด้วย

- เรื่องนี้ไม่มีฉาก Action ที่จะระเบิดภูเขาเผากระท่อม หรือยิงกันเละเทะ ถ้าใครคิดจะไปดูจริงๆ ก็ต้องขอแนะนำให้เลี่ยงนะครับ เพราะพูดกันทั้งเรื่อง เดินคุย, นั่งคุย, เดินคุย แล้วก็ นั่งคุย

- ด้านงาน CG ต้องยอมรับว่า เนี๊ยบกริ๊บ เก็บรายละเอียดได้ดีมาก เพราะไม่มี Action นี่แหละ เลยไม่ต้องเสียเวลาไปทำระเบิดตูมตาม พังเมือง พังภูเขาอะไรมากมาย หลักๆ ก็ลงงานอยู่ที่ยานอวกาศอย่างเดียว

- "Amy Adams" ยอมรับว่าเล่นดี สามารถคุุมหนังได้ ซึ่งดีที่บทมี "Jeremy Renner" มาช่วยลดความเป็นวิชาการลงไป ไม่งั้นเรื่องนี้จะเครียดหนักยิ่งกว่าเดิม เพราะเรื่องการตีความ การถอดความภาษาเป็นอะไรที่ซับซ้อนมาก แค่ภาษาบนโลกก็ยังต้องมานั่งแปลกันให้รู้เรื่อง มาดูเรื่องนี้ ถอดความภาษามนุษย์ต่างดาว ครับ งงเลยว่าพี่จะสื่ออะไรกับเรา

- ด้านงานภาพต้องยอมรับเลยว่า ดูแล้วแอบกดดันนิดๆ เหมือนกัน ซึ่งงานภาพเรื่องนี้ต้องมาคู่กับเพลงประกอบจริงๆ เพลงจะมาแนวๆ ลึกลับ คาดเดาอะไรไม่ถูก และชวนหลอนๆ เพราะในสิ่งที่เราไม่เคยเจอมาก่อนด้วย ซึ่งเพลงประกอบเรื่องนี้ ได้เข้ามาช่วยบิ้วท์อารมณ์ให้กับเนื้อเรื่องและงานภาพของเรื่องนี้ที่ถ่ายทอดออกมาด้วย

สรุป โดยรวมเป็นหนังที่บทล้ำมาก คล้ายๆ กับ Interstellar ในหลายๆ ส่วน แต่ก็มีดีในแบบของตัวเอง ใครที่ชอบหนังไซไฟ แบบถอดความ เชื่อมโยงประเด็นต่างๆ สิ่งต่างๆ เอาไว้ด้วยกัน จะต้องชอบเรื่องนี้อย่างแน่นอนครับ ดูจบออกมาก็ต้องมานั่งคิดสิ่งที่เกิดขึ้นในเรื่องกันต่ออีกสักพักเลย


"Arrival : ผู้มาเยือน" 
เปิดรอบพิเศษ 5-11 มกราคม เวลา 20.00 น. เป็นต้นไป ฉายจริง 12 มกราคม 2017


Review By : T.J. @ T.J. MOVIE REVIEW

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

掟上今日子の備忘録。(Okitegami Kyoko no Biboroku) สมุดบันทึกความทรงจำของ โอคิเตะงามิ เคียวโกะ

            ก่อนจะเริ่มต้นวิจารณ์หรือวิเคราะห์ดีล่ะ เลือกไม่ถูก ถ้างั้นใช้เป็นว่า วิเคราะห์ น่าจะเหมาะสมที่สุดล่ะ ต้องขอบอกก่อนว่า ไม่ได้ตามดูซีรี่ส์จากทางฝั่งญี่ปุ่นมานานมากประมาณเกือบ 3 ปีได้ หลังจากซีรี่ส์ “Ando Lloyd - A.I. Knows Love ?” แล้วช่วงนี้ประจวบเหมาะกับไม่มีอะไรดู (เหรอ ? ) เลยลองมานั่งหาซีรี่ส์จากทางญี่ปุ่นดูบ้าง เปลี่ยนแนวจากที่ปกติเดิมจะดูแต่ซีรี่ส์ภาพยนตร์จากทางอเมริกาซะส่วนใหญ่ และ Okitegami Kyoko no Biboroku. เพื่อนก็แนะนำมาตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วก่อนซีรี่ส์จะจบด้วยซ้ำ (ตอนนั้น ฉายไป 8 ตอน ซีรี่ส์มีทั้งหมด 10 ตอน) เขาดูกันไปจะเกือบปีล่ะ ตัวเองพึ่งจะมานั่งดู หยิบขึ้นมาดูเท่านั้นแหละ กลายเป็นติดใจจนเลิกดูไม่ได้ นั่งดูอยู่บนห้องมันทั้งวันนี่แหละครับ ฮา

Review : Detective Conan EPISODE “ONE”

Review : Detective Conan EPISODE “ONE” Score : 8.5/10 "เสริมเนื้อเรื่องได้ดี ดูเพลิน สนุกมาก ตัวละครมากันพร้อมหน้า ใครที่เป็นแฟนโคนันฟินแน่..." “ยอดนักสืบจิ๋ว โคนัน EPISODE “ONE” กำเนิดยอดนักสืบจิ๋ว” เป็นอนิเมะตอนพิเศษที่นำเอาตอนที่ 1 ของโคนัน มาขยายเรื่องราวเพิ่มขึ้น ว่าตัวละครแต่ล่ะตัว ทำอะไรอยู่ที่ไหนอย่างไรบ้าง และมีเนื้อเรื่องบางส่วนที่ขยายเรื่องราวนอกจากตอนที่ 1 มาด้วย ซึ่งฉายไปเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม ที่ผ่านมาในประเทศญี่ปุ่น และบ้านเราก็ได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์วันที่ 22 ธันวาคม ครับ แต่ก่อนหน้านั้น ก็สามารถชมได้ทาง iFlix ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม ถือว่า ฉายห่างจากญี่ปุ่นแค่ประมาณ 1-2 อาทิตย์เอง

รวมข่าวทั้งหมดของ "Supergirl Season 2" และสิ้นปีนี้เตรียมพบ Big Event ของ DC Super Heroes ในช่อง The CW

หลังจากช่วงกลางเดือนที่ผ่านมาได้มีการ  ยืนยัน! "Supergirl" ย้ายจากช่อง CBS ไป CW พร้อมทีมนักแสดงกลับมาครบชุด  ก็ได้มีข้อมูลใหม่เพิ่มเติมออกมา พร้อม Teaser อย่างเป็นทางการ ว่าสิ้นปีนี้เตรียมพบกับการเปลี่ยนแปลงของ "Supergirl" โดยการย้ายมาฉายในช่อง The CW นั่นเอง