ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Review : LA LA LAND

Review : LA LA LAND
Score : 10/10 (Entertain) 9/10 (All)

"เพลงเพราะ นักแสดงเยี่ยม กลิ่นอายยุค 50-80 มาเต็ม
บันเทิงมากจนอยากที่จะไปดูซ้ำไม่ไหวแล้ว"


เรื่องย่อ : Sebastian หนุ่มนักเปียโนแจ๊ซที่ได้มีโอกาสพบรักกับ Mia นักแสดงสาวดาวรุ่ง แต่แล้วพวกเขาทั้งคู่กลับพบว่า ... การไล่ตามความฝันของทั้งคู่กลับกลายเป็นสิ่งที่สวนทางกับความรัก


- ด้านเนื้อเรื่อง หลักๆ เลย จะพูดถึงการออกไปทำตามความฝันของ Mia และ Sebastian ซึ่งเหมือนสวรรค์ดลใจมาให้ 2 คนนี้ได้เจอกัน มาเติมเต็มและออกตามหาความฝันไปด้วยกัน

ซึ่งถ้ามองที่เนื้อเรื่อง จะไม่ค่อยมีอะไรมาก หลักๆ ก็คือการออกไปทำตามความฝันให้เป็นจริง โดยการดำเนินไปเรื่อยๆ ซึ่งจะได้เห็นโมเมนต์น่ารักๆ ของตัวละครทั้ง 2 ไปเรื่อยๆ ในเรื่องครับ แต่ถ้ามองลึกลงไปยังการกระทำของตัวละครทั้ง 2 จริงๆ ถือว่า เป็นตัวละครที่มีความเป็นจริงสูงมาก เป็นเหมือนกระจกสะท้อนตัวเอง ที่ไล่ตามหาความฝันเลย ดูแล้วแอบขมขื่นและสงสารตัวละครทั้ง 2 ไม่เบา

ความฝันเป็นสิ่งที่ทุกคนต่างก็อยากที่จะทำให้เป็นจริง ซึ่งในความเป็นจริง ทุกคนก็ไม่สามารถที่จะทำตามความฝันได้ทุกคน บางคนทำได้ก็จริงแต่ก็ต้องปรับไปอยู่ในรูปแบบอื่น, บางคนสามารถทำตามความฝันได้จริงๆ แต่ก็ต้องรอเวลา

แต่ว่า การที่จะทำความฝันให้เป็นจริงได้ ก็ต้องมีราคาที่เราทุกคนต่างต้องจ่ายไปเหมือนกัน ซึ่งในเรื่องนี้ก็คือการที่จะต้องสูญเสียคนรอบข้างไปนั่นเอง (ในจุดนี้ หลังจากหนังเข้าไปแล้ว ประมาณ 1-2 อาทิตย์ จะมีบทวิเคราะห์พิเศษมาให้อ่านกันครับ)

- เพลงประกอบอบอุ่นหัวใจมาก ฟังแล้วรู้สึกอยากลุกขึ้นไปเปิดฟลอร์เต้นในโรงหนังจริงๆ ครับ น่าจะมีเปิดรอบให้เต้นกันได้นะ แต่คงสะดุดบันไดหัวทิ่มกันซะก่อน ฮา


- สำหรับนักแสดงทั้ง 2 คน "Emma Stone & Ryan Gosling" ได้เข้ามาเติมเต็มตัวละครเป็นอย่างมาก จนรู้สึกว่า สามารถจับต้องได้ในชั่วขณะนึงเลย ในตอนที่พูดถึงการทำตามความฝันของทั้ง 2 คน แอบรู้สึกว่า ถ้าไม่ใช่ 2 คนนี้ ก็ไม่รู้แล้วเหมือนกันว่า ใครที่จะเหมาะมาเล่นจริงๆ ครับ

"Ryan Gosling" มีติดตลกจาก "The Nice Guys"มานิดนึง พอได้เห็นแล้วก็ตลกดีครับ ส่วน "Emma Stone" ช่วงแรกนึกว่านางพี้มา ดูเพื้ยนได้ใจมาก ถึงจะเพื้ยนแต่ก็น่ารักนะเออ หลงรักนางยิ่งกว่าเดิมซะอีก


- Production กับงานภาพเรื่องนี้ถือว่าดีมาก ผสมผสานความเป็นยุค 80 และปัจจุบันได้เป็นอย่างดี ทั้งฉากต่างๆ เสื้อผ้า, อุปกรณ์ประกอบฉาก ที่ผสมกันแล้ว ไม่ได้รู้สึกขัดตาแต่อย่างใด และมีหลายๆ ฉากให้จดจำ อย่างฉากที่ มีอา และ เซบาสเตียน เจอกันครั้งแรก แล้วเต้นกันที่ภูเขา หรืออย่างฉากเต้นท่ามกลางหมู่ดาว เป็น 1 ในหลายฉากที่ดูแล้ว งานภาพสวยและชื่นชอบมาก

สรุป "LA LA LAND" เป็นหนังที่สามารถมอบความบันเทิงที่ผสมผสานเพลงและความเป็นยุค 80 ได้เป็นอย่างดีครับ เนื้อเรื่องดูแล้วอาจจะเบาบางไปนิดนึง แต่ถ้ามองลึกลงไปที่ตัวละครแล้ว ถือว่าเป็นตัวละครที่มีความสมจริงสูงมากจนสามารถที่จะจับต้องได้เลยครับ

สำหรับใครที่เป็นแฟนๆ หนัง Musical ก็ไม่ควรที่จะพลาดหนังเรื่องนี้เลยครับ รวมไปถึงคนที่ชอบหนัง Romantic Comedy-Drama ก็แนะนำให้มาดูเลยครับ

"LA LA LAND : นครดารา" เปิดรอบพิเศษ 29 ธันวาคม เวลา 20.00 น. เป็นต้นไป 
ฉายจริง 12 มกราคม และพิเศษในระบบ IMAX 12-18 มกราคม เพียงแค่ 1 สัปดาห์เท่านั้นครับ

และสำหรับใครที่อยากได้เพลงประกอบจากภาพยนตร์ "LA LA LAND"
ก็จะวางจำหน่ายวันที่ 23 ธันวาคมนี้ โดย Universal Music Thailand ครับ

Review By : T.J. @ T.J. MOVIE REVIEW

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างแรกและนักแสดงทั้งหมดในภาพยนตร์ Saiki Kusuo no Sainan ฉบับ Live Action

หลังจากประกาศสร้างมาตั้งปี 2015 ก็ได้มีการปล่อยตัวอย่างแรกพร้อมเหล่านักแสดงออกมาทั้งหมดแล้ว ตัวอย่างภาพยนตร์ - https://www.youtube.com/watch?v=4tCACKYolrs&t=0s และมีนักแสดงดังต่อไปนี้

"โกไคเจอร์" กลับมาครบทีม ร่วมฉลองซูเปอร์เซนไตซีรี่ส์ครบ 2,000 ตอน

นับตั้งแต่  "ขบวนการ ห้าจอมพิฆาต โกเรนเจอร์"  ได้ออกฉายตั้งแต่วันที่  4 เมษายน 1975  มาจนถึงขบวนการล่าสุด  "ขบวนการ ราชันย์สรรพสัตว์ จูโอเจอร์"  ซึ่งในวันที่  11 กันยายน  ก็จะฉายครบ  2,000 ตอน พอดี ในตอนที่  28-29   (ฉายวันที่ 4 และ 11 ก.ย.)  จึงได้มีตอนพิเศษขึ้นฉลอง โดยตอนพิเศษทั้ง  2  ตอน จะได้นักแสดงจาก  "ขบวนการ โจรสลัด โกไคเจอร์"  กลับมาแบบครบทีม ในรอบ  3 ปีครึ่ง  หลังจากภาพยนตร์  "ขบวนการ จารชน โกบัสเตอร์ ปะทะ ขบวนการ โจรสลัด โกไคเจอร์ เดอะมูฟวี่"

掟上今日子の備忘録。(Okitegami Kyoko no Biboroku) สมุดบันทึกความทรงจำของ โอคิเตะงามิ เคียวโกะ

            ก่อนจะเริ่มต้นวิจารณ์หรือวิเคราะห์ดีล่ะ เลือกไม่ถูก ถ้างั้นใช้เป็นว่า วิเคราะห์ น่าจะเหมาะสมที่สุดล่ะ ต้องขอบอกก่อนว่า ไม่ได้ตามดูซีรี่ส์จากทางฝั่งญี่ปุ่นมานานมากประมาณเกือบ 3 ปีได้ หลังจากซีรี่ส์ “Ando Lloyd - A.I. Knows Love ?” แล้วช่วงนี้ประจวบเหมาะกับไม่มีอะไรดู (เหรอ ? ) เลยลองมานั่งหาซีรี่ส์จากทางญี่ปุ่นดูบ้าง เปลี่ยนแนวจากที่ปกติเดิมจะดูแต่ซีรี่ส์ภาพยนตร์จากทางอเมริกาซะส่วนใหญ่ และ Okitegami Kyoko no Biboroku. เพื่อนก็แนะนำมาตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วก่อนซีรี่ส์จะจบด้วยซ้ำ (ตอนนั้น ฉายไป 8 ตอน ซีรี่ส์มีทั้งหมด 10 ตอน) เขาดูกันไปจะเกือบปีล่ะ ตัวเองพึ่งจะมานั่งดู หยิบขึ้นมาดูเท่านั้นแหละ กลายเป็นติดใจจนเลิกดูไม่ได้ นั่งดูอยู่บนห้องมันทั้งวันนี่แหละครับ ฮา