ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Review : ‪PATRIOTS DAY‬

Review : ‪PATRIOTS DAY‬
‪Score : 8/10‬

‪"Peter Berg ดึงคนดูได้อยู่หมัดกับเหตุการณ์ สร้างความระทึก, ตื่นเต้น ในการสอบสวน
และสลดใจได้ดี ไม่แพ้ Deepwater Horizon"‬


‪อีก 1 ภาพยนตร์ที่สร้างจากเรื่องจริงของเหตุการณ์วางระเบิดในงานวิ่งมาราธอนเมืองบอสตัน เมื่อปี 2013 ที่ผ่านมา ซึ่งได้ผู้กำกับ Peter Berg จาก Deepwater Horizon มาถ่ายทอดเรื่องราวในครั้งนี้‬

‪- เรื่องราวจะเดินผ่านทางตัวละครที่แต่งขึ้นมา ซึ่งรับบทโดย Mark Wahlberg ร่วมกับตัวละคร ที่เป็นผู้ที่อยู่ร่วมในเหตุการณ์จริงๆ ซึ่งเราจะได้เห็นภาพอันน่าสลดจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อารมณ์เหมือนหนังเรื่อง The Impossible รวมไปถึง ได้เห็นการปฎิบัติงานสืบสวน เพื่อตามหาตัวคนร้ายของ FBI, ตำรวจบอสตัน, หน่วยงานอื่นๆ รวมไปถึงประชาชนครับ‬

‪ซึ่งในขั้นตอนการสืบสวน จะหนักไปทางด้านหน่วยงานต่างๆ มากกว่า ประชาชนแทบจะเป็นส่วนน้อยเลย มีเป็นช่วงๆ แอบอยากจะให้มีส่วนของประชาชนมากกว่านี้อีกสักหน่อย เพราะเนื้อเรื่องก็พยายามพูดถึงความร่วมมือในการตามหาตัวคนร้ายไม่น้อยเลยทีเดียว และในโลกปัจจุบันตอนนี้ก็ไม่ได้เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ทุกคนสามารถที่จะติดตามและส่งข้อมูลข่าวสารกันได้ไว สามารถช่วยสอดส่องและช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ทำงานได้เร็วขึ้นด้วย‬

‪‪- Action สาดกระสุนกันไม่ยั้ง ระเบิดกันพอๆ กับ Micheal Bay เลย Deepwater ว่าระเบิดหนักแล้ว อันนี้ก็หนักไม่แพ้กันเลยทีเดียวครับ‬

‪‪- สำหรับเรื่องนี้ เนื้อเรื่องมียืดๆ ไปหลายๆ ช่วงเหมือนกัน และเล่าผ่านมุมมองหลายตัวละครมาก ซึ่งบางตัวละครเล่าตั้งแต่ต้นเรื่อง แต่กว่าจะมีบทบาทจริงๆ ปาไปกลางเรื่อง ท้ายเรื่อง และน่าจะมีประมาณ 2-3 คน ที่เนื้อเรื่องที่ปูมา สามารถสร้างอารมณ์ร่วมไปด้วย แล้วก็ผู้ก่อเหตุทั้ง 2 ก็ไม่ได้มีการเล่าถึง สาเหตุว่าทำไมถึงก่อเหตุการณ์วางระเบิดในครั้งนี้ขึ้น‬

‪‪- มีมุกตลกฮาๆ เยอะมากในเรื่องนี้ เอามากลบความน่าหดหู่และความยืดของเรื่องได้พอตัวครับ มีหลายๆ ฉากที่จำได้แม่นเลย อย่างฉากรถสีดำ เป็นอะไรที่ฮาจริงๆ ครับ ต้องลองเข้าไปดูกันเอง‬

‪- ‪ถึงแม้ว่า ในภาพรวมส่วนใหญ่ ลักษณะการดำเนินเรื่องแทบจะเป๊ะกับ Deepwater Horizon เลย แต่ว่า อีกเรื่องนึงจะเดินเรื่องได้กระชับกว่าพอตัวเลย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า Patriots Day ไม่ดีนะ เพราะทั้ง 2 เรื่อง ก็มีเสน่ห์ในตัวที่แยกออกมาได้ชัดเจนครับ‬

‪‪- การถ่ายทอดภาพที่ชวนหดหู่, การสืบสวน และการไล่จับคนร้าย Peter Berg ยังสามารถคุมได้อยู่หมัด และสร้างอารมณ์ร่วมไปกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ดีจริงๆ ครับ‬

‪‪- หนังเรื่องนี้ การถ่ายทำหลักจะถ่ายด้วยลักษณะ แฮนด์เฮล เกือบทั้งเรื่อง ซึ่งในหนังแนวทริลเลอร์ ลุ้นระทึกก็ถือว่าเหมาะดีครับ แต่ว่า... เรื่องนี้ปวดหัวตื้บมาก อย่างที่บอกไปว่า แฮนด์เฮล ทั้งเรื่อง แม้กระทั่งฉากคุยปกติ คือพี่ปล่อยช่วงให้พักสายตาแบบ Deepwater สักนิดก็ดี ดีที่เรื่องนี้ไม่มี 3D ไม่งั้นก็คงอาจจะต้องพกถุงอ้วกเข้าไปด้วยแน่นอนครับ ปวดหัวมาก‬

‪‪- นักแสดงถ้าดูแล้วน่าจดจำที่สุดก็คงเป็น J.K. Simmons ซึ่งรับบทเป็น จ่า Jeffrey Pugliese และเป็นตัวละครที่มีบทบาทน้อยในเรื่องด้วย แต่ไม่ได้หมายความว่า ตัวละครอื่นไม่น่าจดจำหรือเด่นอะไร เพราะตัวละครในเรื่องทุกตัวละครจะเด่นเท่ากัน ตามหนังของ Peter Berg ไม่มีใครเด่นไปกว่าใคร แต่สำหรับ J.K. Simmons มีฉากที่ทำให้โดดเด่นขึ้นมาจริงๆ ครับ‬

ส่วนตัวแอบคิดว่า เรื่องนี้ยังสามารถสร้างเรื่องราวได้ดีขึ้นอีกมาก แต่คิดว่าทาง Lionsgate คงอยากจะให้หนังเข้าฉายในปีนี้ ทุกอย่างเลยออกมาแบบไม่ค่อยจะลงตัวมากนัก เพราะตัวหนังก็ถ่ายทำในปีนี้ด้วยเช่นเดียวกัน แต่แม้จะมีแรงกดดัน Peter Berg ก็ยังคงรักษามาตรฐานของตัวเองได้ดีเช่นเคยครับ‬

‪"PATRIOTS DAY : วินาศกรรมปิดเมือง" 
เปิดรอบพิเศษ 29 ธันวาคม เวลา 20.00 น. เป็นต้นไป ฉายจริง 5 มกราคม ในโรงภาพยนตร์‬

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างแรกและนักแสดงทั้งหมดในภาพยนตร์ Saiki Kusuo no Sainan ฉบับ Live Action

หลังจากประกาศสร้างมาตั้งปี 2015 ก็ได้มีการปล่อยตัวอย่างแรกพร้อมเหล่านักแสดงออกมาทั้งหมดแล้ว ตัวอย่างภาพยนตร์ - https://www.youtube.com/watch?v=4tCACKYolrs&t=0s และมีนักแสดงดังต่อไปนี้

"โกไคเจอร์" กลับมาครบทีม ร่วมฉลองซูเปอร์เซนไตซีรี่ส์ครบ 2,000 ตอน

นับตั้งแต่  "ขบวนการ ห้าจอมพิฆาต โกเรนเจอร์"  ได้ออกฉายตั้งแต่วันที่  4 เมษายน 1975  มาจนถึงขบวนการล่าสุด  "ขบวนการ ราชันย์สรรพสัตว์ จูโอเจอร์"  ซึ่งในวันที่  11 กันยายน  ก็จะฉายครบ  2,000 ตอน พอดี ในตอนที่  28-29   (ฉายวันที่ 4 และ 11 ก.ย.)  จึงได้มีตอนพิเศษขึ้นฉลอง โดยตอนพิเศษทั้ง  2  ตอน จะได้นักแสดงจาก  "ขบวนการ โจรสลัด โกไคเจอร์"  กลับมาแบบครบทีม ในรอบ  3 ปีครึ่ง  หลังจากภาพยนตร์  "ขบวนการ จารชน โกบัสเตอร์ ปะทะ ขบวนการ โจรสลัด โกไคเจอร์ เดอะมูฟวี่"

掟上今日子の備忘録。(Okitegami Kyoko no Biboroku) สมุดบันทึกความทรงจำของ โอคิเตะงามิ เคียวโกะ

            ก่อนจะเริ่มต้นวิจารณ์หรือวิเคราะห์ดีล่ะ เลือกไม่ถูก ถ้างั้นใช้เป็นว่า วิเคราะห์ น่าจะเหมาะสมที่สุดล่ะ ต้องขอบอกก่อนว่า ไม่ได้ตามดูซีรี่ส์จากทางฝั่งญี่ปุ่นมานานมากประมาณเกือบ 3 ปีได้ หลังจากซีรี่ส์ “Ando Lloyd - A.I. Knows Love ?” แล้วช่วงนี้ประจวบเหมาะกับไม่มีอะไรดู (เหรอ ? ) เลยลองมานั่งหาซีรี่ส์จากทางญี่ปุ่นดูบ้าง เปลี่ยนแนวจากที่ปกติเดิมจะดูแต่ซีรี่ส์ภาพยนตร์จากทางอเมริกาซะส่วนใหญ่ และ Okitegami Kyoko no Biboroku. เพื่อนก็แนะนำมาตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วก่อนซีรี่ส์จะจบด้วยซ้ำ (ตอนนั้น ฉายไป 8 ตอน ซีรี่ส์มีทั้งหมด 10 ตอน) เขาดูกันไปจะเกือบปีล่ะ ตัวเองพึ่งจะมานั่งดู หยิบขึ้นมาดูเท่านั้นแหละ กลายเป็นติดใจจนเลิกดูไม่ได้ นั่งดูอยู่บนห้องมันทั้งวันนี่แหละครับ ฮา