ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Zack Snyder กับแรงกดดันจาก Warner Bros. กับภาพยนตร์ Justice League


หลังจากปัญหาที่เกิดขึ้นจากตอนฉายภาพยนตร์ “Batman v Superman : Dawn of Justice” พร้อมกับข่าวลือว่า ผู้กำกับ Zack Snyder มีปัญหากับทาง Warner Bros. ในการสร้างภาพยนตร์ “Justice League” ซึ่งได้มีการเลื่อนตำแหน่ง Geoff Johns จากผู้อำนวยการบริหารงานสร้าง (Executive Producer) มาเป็นผู้อำนวยการสร้าง (Producer) และให้ Ben Affleck เข้ามารับตำแหน่ง ผู้อำนวยการบริหารงานสร้าง พร้อมทั้งมีข่าวลือว่า Zack จะถูกผลักออกจากตำแหน่งผู้กำกับภาพยนตร์ของ DC หาก “Justice League” เกิดปัญหาเช่นเดียวกับ “Batman v Superman” (แม้ว่า Ultimate Edition จะออกมาแก้ตัวได้แล้ว ซึ่งทางแฟนๆ ต่างชอบใจกันมาก แต่ในตอนนี้ก็ยังไม่ทราบปฎิกิริยาจากทางสตูดิโอ ว่าจะทำอย่างไรกันต่อไป)



ซึ่ง Zack Snyder ก็ได้ออกมาเปิดเผยกับ Collider ที่ได้เชิญให้ไปเยี่ยมชมกองถ่าย “Justice League” ในช่วงต้นสัปดาห์ ที่ London ว่า เขาได้รับแรงกดดันจากเบื้องบน ในการสร้างภาพยนตร์ “Batman v Superman : Dawn of Justice" เพื่อเชื่อมเรื่องราวไปยัง "Justice League”

"ผมไม่คิดว่ามันเป็นแบบนั้นนะ ส่วนตัวผมคิดว่า “Batman v Superman” มันมีปัญหาเรื่องความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการถ่ายทำมากกว่า แต่ว่าถ้าพูดถึงว่าแรงกดดันกับตัวพวกเราว่ามันเยอะแค่ไหน และแรงกดดันของหนังที่ต้องทำให้ถึงเป้าที่วางไว้สำหรับตัวผมเองแล้ว และอาจจะเพราะว่าผมไม่รู้จะทำให้มันออกมาเป็นแบบไหนได้นอกจากแบบนี้
พวกเราทำภาพยนตร์ที่มันสนองความต้องการของเรา สำหรับผมแล้ว ผมชอบตัวละครพวกนี้ ผมชอบหนังสือคอมมิคจนอาจจะมากเกินไปด้วยซ้ำ เช่นผมชอบที่คอมมิคมีความฮาร์ดคอร์ เพราะว่าตัวผมเป็นผู้ใหญ่และผมก็ชอบที่คอมมิคมีความฮาร์ดคอร์แบบนั้น ผมมีความสุขมากตอนที่ทำภาพยนตร์เรื่องนี้นะ และผมก็ไม่คิดว่า Warner Bros. กดดันพวกเราให้มีทั้ง “Batman & Superman” ในหนังเรื่องนี้หรอก คริส [โนแลน] กับผมมีไอเดียนี้มาพักใหญ่แล้ว แล้วบังเอิญว่าทางสตูดิโอจะปูทางหนังไปต่อกับ “Justice League” พอดี"


Zack พูดต่อเกี่ยวกับ Warner Bros. ที่ให้อิสระในการทำงานของผู้กำกับ เพื่อขับเคลื่อนจักรวาลภาพยนตร์รวมไปถึงสตูดิโอให้เดินหน้าต่อไป

"แต่ผมไม่คิดนะว่าทางค่ายต้องการที่จะเอาชื่อ “Batman v Superman” มาขายตั๋ว ผมคิดว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มันคือโปรเจ็คที่หลายคนสนใจเพราะว่าจุดที่ภาพยนตร์อยู่ในเส้นเวลาของจักรวาลมากกว่า ผมว่าสตูดิโอเขาก็ดีกับผมนะ และพวกเขาก็ปล่อยให้ผู้สร้างภาพยนตร์จัดการงานกันเอง มันเป็นประสบการณ์ที่ดีที่ผมมีกับสตูดิโอนี้ ผมก็เลยคิดว่ามันน่าจะดีนะถ้าผมช่วยทำ “Justice League” เพราะว่ามันเป็นโอกาสที่จะระเบิดสเกลภาพยนตร์ให้มันใหญ่ขึ้นไปอีก ไม่ว่าจะทั้งเรื่องวายร้าย เรื่องการสร้างทีม และทุกเรื่องที่ผมคิดว่ามันน่าจะเหมาะกับภาพยนตร์คอมมิคสมัยใหม่ที่มันใหญ่ขนาดนี้ ถ้ามันเข้าท่านะ"

คาดว่า ฉบับภาพยนตร์ที่มีการตัดเนื้อหาออก ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะสตูดิโอต้องการรอบฉายมากที่สุดเพื่อทำเงิน หรืออีกอย่างนึงคือการคาดการณ์ว่าจะทำหนังของ Zack ความยาว 2 ชั่วโมงครึ่ง แต่กลับกลายเป็น 3 ชั่วโมง เมื่อตัดมา ทำให้สตูดิโอเห็นว่า มันไม่ตรงมากับที่แจ้งเลยให้ตัดออกเพิ่ม

ยังไงก็ต้องรอชมกันตอนภาพยนตร์เข้าฉายว่าภาพยนตร์ “Justice League” จะดีขึ้น กว่า “Batman v Superman” ที่มีปัญหา ในขั้นตอนถ่ายทำ รวมไปถึงการทำภาพยนตร์ที่สนองความต้องการของ Zack มากเกินไป ตามที่ได้ให้สัมภาษณ์ หรือไม่ครับ?

ภาพยนตร์อำนวยการสร้างโดย "Geoff Johns, Charles Roven, Deborah Snyder" อำนวยการบริหารการสร้างโดย "Ben Affleck & Jon Berg" กำกับภาพโดย "Fabian Wagner" เพลงประกอบภาพยนตร์ ประพันธ์โดย "Junkie XL" บทภาพยนตร์โดย "Chris Terrio" กำกับโดย "Zack Snyder"

"Justice League" มีกำหนดฉาย 17 พฤศจิกายน 2017 ในโรงภาพยนตร์

“Batman v Superman : Dawn of Justice” วางจำหน่าย 20 กรกฎาคม นี้ ในรูปแบบ VCD, DVD, Blu-ray & Blu-ray 3D ฉบับ Ultimate Edition จะอยู่ใน Package Blu-ray & Blu-ray 3D และมีแค่บรรยายไทยเท่านั้นครับ (ไม่มีเสียงภาษาไทย)



Source : Heroichollywood

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างแรกและนักแสดงทั้งหมดในภาพยนตร์ Saiki Kusuo no Sainan ฉบับ Live Action

หลังจากประกาศสร้างมาตั้งปี 2015 ก็ได้มีการปล่อยตัวอย่างแรกพร้อมเหล่านักแสดงออกมาทั้งหมดแล้ว ตัวอย่างภาพยนตร์ - https://www.youtube.com/watch?v=4tCACKYolrs&t=0s และมีนักแสดงดังต่อไปนี้

掟上今日子の備忘録。(Okitegami Kyoko no Biboroku) สมุดบันทึกความทรงจำของ โอคิเตะงามิ เคียวโกะ

            ก่อนจะเริ่มต้นวิจารณ์หรือวิเคราะห์ดีล่ะ เลือกไม่ถูก ถ้างั้นใช้เป็นว่า วิเคราะห์ น่าจะเหมาะสมที่สุดล่ะ ต้องขอบอกก่อนว่า ไม่ได้ตามดูซีรี่ส์จากทางฝั่งญี่ปุ่นมานานมากประมาณเกือบ 3 ปีได้ หลังจากซีรี่ส์ “Ando Lloyd - A.I. Knows Love ?” แล้วช่วงนี้ประจวบเหมาะกับไม่มีอะไรดู (เหรอ ? ) เลยลองมานั่งหาซีรี่ส์จากทางญี่ปุ่นดูบ้าง เปลี่ยนแนวจากที่ปกติเดิมจะดูแต่ซีรี่ส์ภาพยนตร์จากทางอเมริกาซะส่วนใหญ่ และ Okitegami Kyoko no Biboroku. เพื่อนก็แนะนำมาตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วก่อนซีรี่ส์จะจบด้วยซ้ำ (ตอนนั้น ฉายไป 8 ตอน ซีรี่ส์มีทั้งหมด 10 ตอน) เขาดูกันไปจะเกือบปีล่ะ ตัวเองพึ่งจะมานั่งดู หยิบขึ้นมาดูเท่านั้นแหละ กลายเป็นติดใจจนเลิกดูไม่ได้ นั่งดูอยู่บนห้องมันทั้งวันนี่แหละครับ ฮา

Review : Kung Fu Panda 3

Review : Kung Fu Panda 3 Score : 8/10 "ดูเพลิน สนุก ตลกฮา ปนน่ารักของเหล่าแพนด้า ตอนท้ายซึ้งดี พร้อมออกตามหาตัวตน ว่าเรานั้นเป็นใคร?" เรื่องย่อ : การกลับมาของพ่อแพนด้าของโปที่หายสาบสูญไปเมื่อนานมาแล้ว ทั้งคู่กลับมาร่วมทางกันสู่เมืองลับแลของแพนด้า เพื่อพบกับพวกแพนด้าตัวตลกหน้าใหม่ แต่เมื่อจอมวายร้ายผู้อยู่เหนือธรรมชาติอย่าง ไค เริ่มกวาดล้างประเทศจีนด้วยการเอาชนะจ้าวแห่งกังฟูทั้งหมด โพต้องทำสิ่งเหลือเชื่ออย่างการศึกษาวิธีการฝึกฝนเหล่าพี่น้องจอมเซ่อที่น่ารักของเขา เพื่อให้กลายเป็นเหล่าสุดยอดกังฟูแพนด้า!