ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Review : Khun Phan

Review : Khun Phan
Score : 6.5/10

"หนังคาวบอยฝีมือคนไทย
ที่มาพร้อมกับ Production & Action โม้ๆ ระดับ Hollywood"


เรื่องย่อ : ขุนพันธ์ เรื่องราวจากชีวประวัติของ ขุนพันธรักษ์ราชเดช อดีตนายตำรวจชื่อดังที่ปราบเสือตามภูมิภาคต่างๆของประเทศ โดยได้ฉายาว่า นายพลตำรวจหนังเหนียวผู้จับเสือมือเปล่า หรือ ขุนพันธ์ ดาบแดง ซึ่งเป็นดาบที่เชื่อว่าตกทอดมาจากพระยาพิชัยดาบหัก รวมถึงวีรกรรมที่ปราบเสือดังในภาคกลางอย่าง เสือดำ เสือมเหศวร เสือใบ เสือฝ้ายด้วย

ด้านเนื้อเรื่อง ดูแล้วเป็นเหมือนหนังขุนพันธ์ที่มารับรู้เรื่องราวของตัวร้าย? "อัลฮาวียะลู" โดยพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงและปกป้องเมืองไปในตัว ซึ่งต่างคนต่างมีมุมมองคำว่า "ความยุติธรรม" ในแบบของตัวเอง แค่ว่าของ อัลฮาวี ขัดกับกฎหมาย ซึ่งก็แอบคิดว่า ถ้า ฮัลฮาวี มาเป็นตำรวจราชการแบบ ขุนพันธ์ ก็เป็นตำรวจที่ดีไม่แพ้แน่นอน

ตัวเรื่องมีปัญหาตรงที่ ตัดสินใจไม่ได้ว่า จะเล่าเรื่องแบบหนังประวัติศาสตร์ หรืออ้างอิงประวัติศาสตร์ กันแน่? ตามสัมภาษณ์จากคุณก้องเกียรติ ผู้กำกับและเขียนบท ต้องการที่จะเล่าเรื่องตามประวัติศาสตร์เป็นหลัก แต่มีเรื่องแต่งเสริมเข้าไปด้วย ซึ่งพอมาดูจริงๆ แล้ว มันตีกันไปหมด หาจุดลงตัวให้กับเรื่องราวไม่ได้

เรื่องราวที่แต่งเสริมกับเรื่องราวที่เป็นประวัติศาสตร์ ตีกันจนกลายเป็นเรื่องราวเสริมไปหมด หลักๆ เหลืออยู่ที่เห็นเป็นพล็อตหลักอยู่ที่ ขุนพันธ์ ต้องจัดการ อัลฮาวียะลู และช่วยเหลือคนในหมู่บ้าน

พล็อตความดีกับความชั่ว ก็เป็นพล็อตรองเหมือนกัน พูดตรงดีจนเกือบจะได้กลายเป็นพล็อตหลัก แต่โยนไปโยนมา และไม่ได้สื่อถึงขุนพันธ์เลย จนกลายเป็นพล็อตรองเป็นแบบเต็มๆ

ผู้กำกับได้ปั้นให้ "ขุนพันธ์" เป็นเหมือนคาวบอยติดตราเจ้าหน้าที่ ทุกฉากแอ็คชั่นคือเท่แบบคาวบอยมาก และแอบคล้ายๆ Batman ที่ให้โอกาสคนก่อน ถ้ายังไม่เปลี่ยนตัวเองก็ลงไม้หนัก เหมือนเอา Batman ของ "Christopher Nolan" มาผสมกับของ "Zack Snyder" 

ส่วน "อัลฮาวียะลู" ก่ำกึ่งอยู่ระหว่างความดีและความชั่ว แต่จะเอนไปอย่างหลังเยอะกว่า นึกถึง "Harvey Dent" ใน "The Dark Knight" หน่อยๆ เลย จากผู้ที่เชื่อในความยุติธรรมจนสูญเสียสิ่งที่สำคัญมากที่สุดไป ทำให้เปลี่ยนไปเดินอีกเส้นทางนึง และบัญญัติคำว่าความยุติธรรมของตัวเองขึ้น

อีก 1 ตัวละครที่น่าสนใจก็คือ "หลวงโอฬาร" เป็นตัวละครที่ฉลาด ทำทุกอย่างเพื่อตัวเอง คิดการใหญ่แต่แล้วก็ล้มไม่เป็นท่า

เพลงประกอบมาแนวหนังคาวบอยมากตั้งแต่ต้นเรื่อง พอแอ็คชั่นก็เป็นเพลงแนวๆ หนังแอ็คชั่นของฝรั่งไปเลย ก็แปลกๆ ดีครับ

Action ยอมรับว่า ความสมเหตุสมผลเกือบจะมี และความโม้นี่ระดับ Hollywood เลย ซึ่งถ้ายึดหลักความสมเหตุสมผลแบบหนังฝรั่ง ดูยังไงก็ไม่สนุกครับ แต่ถ้ามองข้ามไป จะสนุกขึ้นอีกเยอะ

CGI ก็ตามสไตล์หนังไทยทั่วไป แต่ส่วนตัวรู้สึกว่า ดีกว่า "ตำนาน สมเด็จพระนเรศวรมหาราช : อวสานหงสา" จริงๆ แม้จะไม่เนียน แต่ยังไม่ความนูนลึกออกมาให้เห็นอยู่บ้าง ซึ่งความไม่เนียนพอมาผนวกกับ Action ที่โม้ กลับกลายเป็นยิ่งสนุกมากขึ้นไปอีก

โดยรวมก็ไม่ได้ดีมากและก็ไม่ได้แย่จนเกินไป ก็เป็นหลักไมล์ต่อไปสำหรับหนังไทยที่จะพัฒนาให้ดีขึ้นต่อไปในอนาคตครับ และหลังหนังจบมี Mid-Credit ต่อด้วยนะครับ อย่าพึ่งรีบลุกออกจากโรงเน้อ~

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างแรกและนักแสดงทั้งหมดในภาพยนตร์ Saiki Kusuo no Sainan ฉบับ Live Action

หลังจากประกาศสร้างมาตั้งปี 2015 ก็ได้มีการปล่อยตัวอย่างแรกพร้อมเหล่านักแสดงออกมาทั้งหมดแล้ว ตัวอย่างภาพยนตร์ - https://www.youtube.com/watch?v=4tCACKYolrs&t=0s และมีนักแสดงดังต่อไปนี้

"โกไคเจอร์" กลับมาครบทีม ร่วมฉลองซูเปอร์เซนไตซีรี่ส์ครบ 2,000 ตอน

นับตั้งแต่  "ขบวนการ ห้าจอมพิฆาต โกเรนเจอร์"  ได้ออกฉายตั้งแต่วันที่  4 เมษายน 1975  มาจนถึงขบวนการล่าสุด  "ขบวนการ ราชันย์สรรพสัตว์ จูโอเจอร์"  ซึ่งในวันที่  11 กันยายน  ก็จะฉายครบ  2,000 ตอน พอดี ในตอนที่  28-29   (ฉายวันที่ 4 และ 11 ก.ย.)  จึงได้มีตอนพิเศษขึ้นฉลอง โดยตอนพิเศษทั้ง  2  ตอน จะได้นักแสดงจาก  "ขบวนการ โจรสลัด โกไคเจอร์"  กลับมาแบบครบทีม ในรอบ  3 ปีครึ่ง  หลังจากภาพยนตร์  "ขบวนการ จารชน โกบัสเตอร์ ปะทะ ขบวนการ โจรสลัด โกไคเจอร์ เดอะมูฟวี่"

掟上今日子の備忘録。(Okitegami Kyoko no Biboroku) สมุดบันทึกความทรงจำของ โอคิเตะงามิ เคียวโกะ

            ก่อนจะเริ่มต้นวิจารณ์หรือวิเคราะห์ดีล่ะ เลือกไม่ถูก ถ้างั้นใช้เป็นว่า วิเคราะห์ น่าจะเหมาะสมที่สุดล่ะ ต้องขอบอกก่อนว่า ไม่ได้ตามดูซีรี่ส์จากทางฝั่งญี่ปุ่นมานานมากประมาณเกือบ 3 ปีได้ หลังจากซีรี่ส์ “Ando Lloyd - A.I. Knows Love ?” แล้วช่วงนี้ประจวบเหมาะกับไม่มีอะไรดู (เหรอ ? ) เลยลองมานั่งหาซีรี่ส์จากทางญี่ปุ่นดูบ้าง เปลี่ยนแนวจากที่ปกติเดิมจะดูแต่ซีรี่ส์ภาพยนตร์จากทางอเมริกาซะส่วนใหญ่ และ Okitegami Kyoko no Biboroku. เพื่อนก็แนะนำมาตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วก่อนซีรี่ส์จะจบด้วยซ้ำ (ตอนนั้น ฉายไป 8 ตอน ซีรี่ส์มีทั้งหมด 10 ตอน) เขาดูกันไปจะเกือบปีล่ะ ตัวเองพึ่งจะมานั่งดู หยิบขึ้นมาดูเท่านั้นแหละ กลายเป็นติดใจจนเลิกดูไม่ได้ นั่งดูอยู่บนห้องมันทั้งวันนี่แหละครับ ฮา