ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Review : X-MEN - Apocalypse

Review : X-MEN - Apocalypse
Score : 9/10

"นี่คือ X-MEN ภาคที่ประทับใจที่สุด!,
กลิ่นอายเดิมกลับมาแบบจัดเต็ม
ผสมผสานความผิดพลาดจากเรื่องก่อนๆ ที่รังสรรค์ใหม่"


เรื่องย่อ : นับตั้งแต่รุ่งอรุณของอารยธรรม เขาได้รับการบูชาเฉกเช่นเทพเจ้า "Apocalypse" มนุษย์กลายพันธุ์คนแรกและมีพลังอำนาจมากที่สุดในจักรวาล X-MEN การที่สะสมพลังพิเศษของมนุษย์กลายพันธุ์คนอื่นๆ เอาไว้ ทำให้เขาเป็นอมตะและคงกระพัน หลังจากตื่นขึ้นมาจากการหลับไหลหลายพันปี เขากระจ่างว่าโลกที่เขาพบเป็นเช่นไร จึงได้รวมพลมนุษย์กลายพันธุ์ที่มีอำนาจยิ่งใหญ่ รวมถึงแม็กนีโต้ ผู้ท้อแท้ ในการกวาดล้างมนุษยชาติ และสร้างโลกใหม่ขึ้นมาที่เขาจะเป็นผู้ปกครอง เมื่อชะตากรรมของโลกแขวนอยู่บนเส้นด้าย เรเวน ที่ได้รับความช่วยเหลือจากศาสตราจารย์เอ็กซ์ ได้นำทีม X-MEN รุ่นเยาว์ ยับยั้งศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและช่วยเหลือมนุษย์โลกจากการถูกล้างเผ่าพันธุ์


- ก่อนจะเริ่มขอบอกก่อนเลยว่า พอเข้าฉาก Opening Title & Ending รู้สึกได้เลย ความเป็นมิวแทนท์มันแผ่ซ่านออกมาจริงๆ ขนลุกมากมาย

- ด้านเนื้อเรื่อง ถือว่าเป็นการปิดไตรภาคต้นกำเนิดของ X-MEN มีส่วนเชื่อมต่อกับเรื่องราวใน "First Class & Days of Future Past" กันโดยตรงเลย ดูแค่ 2 เรื่องนี้พอ สำหรับคนที่พึ่งตาม แต่ถ้าอยากรู้ว่าดูหมดแบบเรียงไทม์ไลน์ เป็นยังไง? เดี๋ยวจะลงภาพในท้ายรีวิวให้ครับ

- ช่วงแรกๆ เดินเรื่องเร็วไปนิด แต่พอมากลางเรื่องเริ่มดูดีขึ้น ปูทางให้กับตัวละครเก่าและใหม่ได้โอเค ซึ่งถ้า มองโดยรวม อาจจะไม่ได้เล่าดีมากเท่าทั้ง 2 ภาคก่อน แต่ก็สามารถปิดตำนานได้อย่างสมบูรณ์ครับ

- กลิ่นอายของภาพยนตร์ "X-MEN" ที่ "Bryan Singer" กำกับทั้งหมดลงมาอยู่ในภาคนี้พอตัว พร้อมกับสิ่งที่เละเทะไปใน "X-MEN : The Last Stand & X-MEN Origins : Wolverine" ภาคนี้ก็รวมใส่ลงมาเช่นเดียวกัน แต่ปรับใหม่ออกมาได้ดีกว่า (แอบตบหน้าผกก.ทั้ง 2 เรื่องแบบเบาๆ แล้วบอกว่า พี่ทำดีกว่านะน้อง) ดูจบออกมารู้สึกแก่มากมาย กับแฟรนไซส์ภาพยนตร์ X-MEN

- สำหรับเหล่าบอยแบรนด์วายร้าย "Apocalypse & The Four Housemen" มาแนวๆ "Ultron" ใน "Avengers : Age of Ultron" เลย มาเพื่อโชว์ของจริงๆ แต่รู้สึกได้เลยว่า "Apocalypse" ดูทรงพลังและโหดกว่าเยอะ ส่วน "The Four Housemen" ขอพูดถึงแค่ "Angel & Psylocke" พอนะครับ "Storm & Magneto" ก็รู้ความสามารถกันมาตลอดแฟรนไซส์แล้ว "Angel & Psylocke" ก็มาโชว์ของจริงๆ ทายาท "Ultron" เลย มาเพื่อโชว์ของ แต่ "Psylocke" เท่มากมายจริงๆ ดาบพลังจิต, แส้พลังจิต ชุดของนางนี่แบบว่า อือหือ!!! กันเลยทีเดียว

- ด้านนักแสดง ขอพูดถึงที่ Cast มาใหม่ในเรื่องนี้ก่อนนะครับ "Tye Sheridan (Cyclops), Sophie Turner (Jean Grey), Kodi Smit-McPhee (Nightcrawler), Alexandra Shipp (Storm), Ben Hardy (Angel), Olivia Munn (Psylocke) & Oscar Isaac (Apocalypse)" ทั้งหมดถือว่าสอบผ่าน สืบทอดจากที่นักแสดงต้นฉบับได้ดีในระดับนึงเลย ส่วนเหล่าบรรดาวายร้ายก็ Strong กันจริงๆ

- ส่วนนักแสดงหน้าเก่าที่อยู่คู่กันมานาน ตั้งแต่ First Class ก็แสดงดีขึ้นมาเรื่อยๆ เติบโตขึ้นทุกภาค รู้สึกเลยว่าผ่านอะไรกันมาเยอะจริงๆ ทุกสิ่งที่แต่ล่ะตัวละครตัดสินใจ ล้วนมีผลสืบเนื่องจากเหตุการณ์ในอดีตทั้งสิ้น

- เพลงประกอบภาพยนตร์ยังคงประพันธ์โดย "John Ottman" เจ้าเก่ารายเดิม ซึ่งพี่ Bryan ไม่เคยคิดจะเปลี่ยนเลยจริงๆ ยอมรับว่า เพลงประกอบยังคงสามารถทำออกมาได้ทรงพลังและขนลุกมาก ทุกครั้งที่เพลงประจำแฟรนไซส์ขึ้น ตัวสั่นเลย รู้สึกเลยว่า X-MEN กำลังจะมาแล้ว!!! เพลงประจำตัวของด้านวายร้าย "Apocalypse" ก็ถือว่า ทรงพลังด้วยเช่นเดียวกัน เหมือนกับพระเจ้าแห่งการทำลายล้างเตรียมลงมาจุติและพร้อมที่จะล้างโลกใบนี้

- "Quicksilver" เจ้าพ่อจอมขโมยซีนเช่นเคย ในภาคนี้ก็กลับมาขโมยซีนมากขึ้น และยังถือว่าเด่นพอๆ กับการปรากฎตัวครั้งแรกใน Days of Future Past เลย คุ้มค่ากับการถ่ายReview : X-MEN - Apocalypse
Score : 9/10

- ด้านเนื้อเรื่อง ถือว่าเป็นการปิดไตรภาคต้นกำเนิดของ X-MEN มีส่วนเชื่อมต่อกับเรื่องราวใน "First Class & Days of Future Past" กันโดยตรงเลย ดูแค่ 2 เรื่องนี้พอ สำหรับคนที่พึ่งตาม โดยรวม อาจจะไม่ได้เล่าดีมากเท่าทั้ง 2 ภาคก่อน แต่ก็สามารถปิดตำนานได้อย่างสมบูรณ์ครับ

- กลิ่นอายของภาพยนตร์ "X-MEN" ที่ "Bryan Singer" กำกับทั้งหมดลงมาอยู่ในภาคนี้พอตัว พร้อมกับสิ่งที่เละเทะไปใน "X-MEN : The Last Stand & X-MEN Origins : Wolverine" ภาคนี้ก็รวมใส่ลงมาเช่นเดียวกัน แต่ปรับใหม่ออกมาได้ดีกว่า ดูจบออกมารู้สึกแก่มากมาย กับแฟรนไซส์ภาพยนตร์ X-MEN เพราะตามมาตั้งแต่แรก แล้วมันมีความผูกพันธ์จริงๆ

- สำหรับวายร้ายประจำภาค "Apocalypse" มาแนวๆ "Ultron" ใน "Avengers : Age of Ultron" เลย มาเพื่อโชว์ของจริงๆ แต่รู้สึกได้เลยว่า "Apocalypse" ดูทรงพลังและโหดกว่าเยอะ โดยเฉพาะตอนท้ายของเรื่อง "Angel & Psylocke" ก็มาโชว์ของจริงๆ ทายาท "Ultron" เลย มาเพื่อโชว์ของ แต่ "Psylocke" เท่มากมายจริงๆ ดาบพลังจิต, แส้พลังจิต ชุดของนางนี่แบบว่า อือหือ!!! กันเลยทีเดียว ส่วน "Angel" เสียดายมาก น่าจะมีบทมากกว่านี้หน่อย อุตสาห์ได้อัพเกรด

- ด้านนักแสดง ที่ Cast มาใหม่ทั้งหมดถือว่าสอบผ่าน สืบทอดจากที่นักแสดงต้นฉบับได้ดีในระดับนึงเลย ส่วนเหล่าบรรดาวายร้ายก็ Strong กันจริงๆ ส่วนนักแสดงหน้าเก่าที่อยู่คู่กันมานาน ตั้งแต่ First Class ก็แสดงดีขึ้นมาเรื่อยๆ เติบโตขึ้นทุกภาค รู้สึกเลยว่าผ่านอะไรกันมาเยอะจริงๆ ทุกสิ่งที่แต่ล่ะตัวละครตัดสินใจ ล้วนมีผลสืบเนื่องจากเหตุการณ์ในอดีตทั้งสิ้น

- เพลงประกอบภาพยนตร์ยังคงประพันธ์โดย "John Ottman" เจ้าเก่ารายเดิม ซึ่งพี่ Bryan ไม่เคยคิดจะเปลี่ยนเลยจริงๆ ยอมรับว่า เพลงประกอบยังคงสามารถทำออกมาได้ทรงพลังและขนลุกมาก ทุกครั้งที่เพลงประจำแฟรนไซส์ขึ้น ตัวสั่นเลย รู้สึกเลยว่า X-MEN กำลังจะมาแล้ว!!!

- "Quicksilver" เจ้าพ่อจอมขโมยซีนเช่นเคย ในภาคนี้ก็กลับมาขโมยซีนมากขึ้น และยังถือว่าเด่นพอๆ กับการปรากฎตัวครั้งแรกใน Days of Future Past เลย คุ้มค่ากับการถ่ายเดือนครึ่ง แต่ใช้แค่ 3 นาทีจริงๆ (เหนื่อยแต่คุ้ม) อีก 1 ตัวละครที่น่าจดจำนอกจาก "Quicksilver" ก็ "Jean Grey" นี่แหละครับ นางทรงพลังมาก ทรงพลังในแบบที่ควรจะเป็น ไม่ใช่แบบ "X-MEN : The Last Stand" ที่ใช้พลังไล่ฆ่าคนไปแบบไม่มีเหตุผลอะไรเลย

- นักแสดงรับเชิญผู้รับบทเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ที่มาพร้อมกับกรงเล็บอดาแมนเทียม เรียกได้ว่ามาเหนือความคาดหมายมาก ตอนดูตัวอย่าง ความรู้สึกแรกคือ "มาอีกล่ะ" พอมาดูในหนังจริงๆ ก็รู้สึกเหมือนเดิม แต่ว่า เป็นซีนที่น่าจดจำอยู่ครับ เวอร์ชั่นนี้พี่แกมาโหดจริงๆ (โหดแบบ Rate-R เลยขอบอก เหมือนเอามาเปรยๆ ว่า "The Wolverine 3" พี่ FOX ทำ Rate-R แล้วจะมาประมาณนี้แน่นอน)

- ฉากแอ็คชั่นถือว่ามันส์ใช้ได้เลยครับ จนลุกและมีลุ้นด้วย รู้สึกว่าไม่ได้ลุ้นกับฉากแอ็คชั่นแบบจิกเบาะมานานมากแล้ว

- งาน CG ถือว่าเก็บรายละเอียดได้ดีเช่นเดียวกับภาคก่อนๆ ฉากสุดท้ายคือทรงพลังผสมผสานกับแอ็คชั่นได้มันส์มาก

- IMAX เสียงแน่นมาก ในส่วนของเพลงประกอบภาพยนตร์ แน่นระดับเดียวกันกับ "Batman v Superman" เลย แต่พวกฉากแอ็คชั่นก็ดรอปลงมานิดนึงครับ

โดยรวม "นี่คือ X-MEN ภาคที่ประทับใจที่สุด" รู้สึกถึงกลิ่นอายภาคก่อนๆ ที่ผกก.Bryan Singer ทำเอาไว้จริงๆ เดือน แต่ใช้แค่ 3 นาทีจริงๆ (เหนื่อยแต่คุ้ม) อีก 1 ตัวละครที่น่าจดจำนอกจาก "Quicksilver" ก็ "Jean Grey" นี่แหละครับ นางทรงพลังมาก ทรงพลังในแบบที่ควรจะเป็น ไม่ใช่แบบ "X-MEN : The Last Stand" ที่ใช้พลังไล่ฆ่าคนไปแบบไม่มีเหตุผลอะไรเลย

- นักแสดงรับเชิญผู้รับบทเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ที่มาพร้อมกับกรงเล็บอดาแมนเทียม เรียกได้ว่ามาเหนือความคาดหมายมาก ตอนดูตัวอย่าง ความรู้สึกแรกคือ "มาอีกล่ะ" พอมาดูในหนังจริงๆ ก็รู้สึกเหมือนเดิม แต่ว่า เป็นซีนที่น่าจดจำอยู่ครับ เวอร์ชั่นนี้พี่แกมาโหดจริงๆ (โหดแบบ Rate-R เลยขอบอก เหมือนเอามาเปรยๆ ว่า "The Wolverine 3" พี่ FOX ทำ Rate-R แล้วจะมาประมาณนี้แน่นอน)

- แอบรู้สึกว่า "Bryan Singer" คับแค้นใจอะไรกับ FOX เรื่องเรทรึเปล่า? เหมือนพี่แกต้องการให้เป็น Rate-R แต่ได้ PG-13 มาแทน ซึ่งมาภาคนี้ก็ได้เรทเหมือนเดิม แต่ความโหดอัพขึ้นมาพอตัวอยู่

- ฉากแอ็คชั่นถือว่ามันส์ใช้ได้เลยครับ จนลุกและมีลุ้นด้วย รู้สึกว่าไม่ได้ลุ้นกับฉากแอ็คชั่นแบบจิกเบาะมานานมากแล้ว

- งาน CG ถือว่าเก็บรายละเอียดได้ดีเช่นเดียวกับภาคก่อนๆ ไม่จำเป็นต้องรีบทำและใช้เกือบ 20 สตูดิโอ แบบเดียวกับ Marvel Studios เลยด้วยซ้ำ ฉากสุดท้ายคือทรงพลังผสมผสานกับแอ็คชั่นได้มันส์มาก

- ตอนท้ายของเรื่องรู้สึกอิ่มเอมมาก ทุกอย่างมันดูลงตัวจริงๆ ปูทางไปเรื่องถัดไปพอตัวเลย แต่นักแสดงก็คงไม่กลับกันมาแล้ว เว้นเซ็ตใหม่ใน Apocalypse ที่กลับมาแน่นอน

- IMAX เสียงแน่นมาก ไม่รู้จะบรรยายออกมายังไง แต่ยอมรับว่าเสียงแน่นมาก ระดับเดียวกันกับ "Batman v Superman" เลย

โดยรวม "นี่คือ X-MEN ภาคที่ประทับใจที่สุด" รู้สึกถึงกลิ่นอายภาคก่อนๆ ที่ผกก.Bryan Singer ทำเอาไว้จริงๆ อยู่นิ่งๆ เงียบๆ ปล่อยให้ "Batman v Superman & Civil War" ปล่อยระเบิดกันตูมตาม ส่วนพี่แกแค่อยู่เฉยๆ แล้วค่อยแหกโค้งเข้ามากันแบบนิ่มๆ เลย ส่วนจุดที่พลาดไป พี่แกก็ลงมาแก้ในไทม์ไลน์ใหม่นี้ให้หมดเลย นับว่ายอดมากครับ

สุดท้ายนี้ก็อยากจะบอกว่า ให้ลองไปรับชมกับด้วยตัวเอง พิสูจน์ด้วยตัวเองว่า คุณชอบ "X-MEN : Apocalypse" หรือไม่? แต่ถ้าใครตามมาตั้งแต่ต้นกำเนิดของแฟรนไซส์ คาดว่า น่าจะชอบกันมากพอตัวครับ ตอนท้ายมี End-Credit ด้วยนะครับ ห้ามพลาดโดยเด็ดขาดเลย...!


Review By : T.J. @ T.J. MOVIE REVIEW



"X-MEN FILM SERIES TIMELINE"

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

掟上今日子の備忘録。(Okitegami Kyoko no Biboroku) สมุดบันทึกความทรงจำของ โอคิเตะงามิ เคียวโกะ

            ก่อนจะเริ่มต้นวิจารณ์หรือวิเคราะห์ดีล่ะ เลือกไม่ถูก ถ้างั้นใช้เป็นว่า วิเคราะห์ น่าจะเหมาะสมที่สุดล่ะ ต้องขอบอกก่อนว่า ไม่ได้ตามดูซีรี่ส์จากทางฝั่งญี่ปุ่นมานานมากประมาณเกือบ 3 ปีได้ หลังจากซีรี่ส์ “Ando Lloyd - A.I. Knows Love ?” แล้วช่วงนี้ประจวบเหมาะกับไม่มีอะไรดู (เหรอ ? ) เลยลองมานั่งหาซีรี่ส์จากทางญี่ปุ่นดูบ้าง เปลี่ยนแนวจากที่ปกติเดิมจะดูแต่ซีรี่ส์ภาพยนตร์จากทางอเมริกาซะส่วนใหญ่ และ Okitegami Kyoko no Biboroku. เพื่อนก็แนะนำมาตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วก่อนซีรี่ส์จะจบด้วยซ้ำ (ตอนนั้น ฉายไป 8 ตอน ซีรี่ส์มีทั้งหมด 10 ตอน) เขาดูกันไปจะเกือบปีล่ะ ตัวเองพึ่งจะมานั่งดู หยิบขึ้นมาดูเท่านั้นแหละ กลายเป็นติดใจจนเลิกดูไม่ได้ นั่งดูอยู่บนห้องมันทั้งวันนี่แหละครับ ฮา

Review : Detective Conan EPISODE “ONE”

Review : Detective Conan EPISODE “ONE” Score : 8.5/10 "เสริมเนื้อเรื่องได้ดี ดูเพลิน สนุกมาก ตัวละครมากันพร้อมหน้า ใครที่เป็นแฟนโคนันฟินแน่..." “ยอดนักสืบจิ๋ว โคนัน EPISODE “ONE” กำเนิดยอดนักสืบจิ๋ว” เป็นอนิเมะตอนพิเศษที่นำเอาตอนที่ 1 ของโคนัน มาขยายเรื่องราวเพิ่มขึ้น ว่าตัวละครแต่ล่ะตัว ทำอะไรอยู่ที่ไหนอย่างไรบ้าง และมีเนื้อเรื่องบางส่วนที่ขยายเรื่องราวนอกจากตอนที่ 1 มาด้วย ซึ่งฉายไปเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม ที่ผ่านมาในประเทศญี่ปุ่น และบ้านเราก็ได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์วันที่ 22 ธันวาคม ครับ แต่ก่อนหน้านั้น ก็สามารถชมได้ทาง iFlix ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม ถือว่า ฉายห่างจากญี่ปุ่นแค่ประมาณ 1-2 อาทิตย์เอง

รวมข่าวทั้งหมดของ "Supergirl Season 2" และสิ้นปีนี้เตรียมพบ Big Event ของ DC Super Heroes ในช่อง The CW

หลังจากช่วงกลางเดือนที่ผ่านมาได้มีการ  ยืนยัน! "Supergirl" ย้ายจากช่อง CBS ไป CW พร้อมทีมนักแสดงกลับมาครบชุด  ก็ได้มีข้อมูลใหม่เพิ่มเติมออกมา พร้อม Teaser อย่างเป็นทางการ ว่าสิ้นปีนี้เตรียมพบกับการเปลี่ยนแปลงของ "Supergirl" โดยการย้ายมาฉายในช่อง The CW นั่นเอง