ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Review : Equals

Review : Equals
Score : 7/10

"ฉันจำได้ว่ารักเธอ แต่ฉันไม่รู้สึกอีกแล้ว
ภาพยนตร์โรแมนติคแห่งโลกอนาคต
ที่จะตอกย้ำให้เรารู้ความสำคัญของ 'ความรู้สึก' "


- โลกในอนาคตที่วุ่นวายเพราะความรู้สึกของมนุษย์ที่ตามมาด้วยปัญหาต่างๆ ทำให้มนุษย์เลือกกำจัดความรู้สึกนั้นทิ้งไป และใครมีความรู้สึกจะกลายเป็นผู้ติดเชื้อ SOS (โรคตื่นรู้สึก) ต้องทำการรักษาโดยทันที

พล็อตเรื่องโดยรวม ก็ถือว่าโอเคอยู่ มนุษย์ในอนาคตเลือกที่จะกำจัด "ความรู้สึก" ออกไป เพื่อลดปัญหาที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง, อาชญากรรม, สงคราม และอื่นๆ อีกมากมาย เชื่อว่าใครๆ หลายคนก็คงจะรู้สึกแบบนั้น โดยเฉพาะสิ่งที่เรียกว่า "ความรัก" หลายคนต่างผิดหวังกับคนที่ตัวเองแอบชอบ (หรือตอนนี้ที่มีมุกว่า นก ออกมา กว่าจะรู้ว่าหมายถึงอะไร ใช้เวลานานพอตัวเลยครับ ฮา) พอผิดหวังกับคนที่ตัวเองชอบ บางครั้งมันก็จะมีความรู้สึกที่ว่า "ไม่อยากจะรู้สึกอะไรอีกต่อไปแล้ว ถ้ามีความรู้สึกแล้วจะเจ็บปวดขนาดนี้ ฯลฯ" พอเจอแบบนี้ บางคนก็เลือกที่จะจบชีวิตตัวเองซะส่วนใหญ่ บางคนก็ยังคงอยู่ต่อไปแบบโดดเดี่ยว

โลกที่ไร้ความรู้สึกแบบเรื่องนี้ มันก็ดูโอเค เราไม่จำเป็นที่จะต้องมาคิด มาห่วงอะไรมากมาย ก็แค่ใช้ชีวิตไปวันๆ ทำงาน, เรียน, กินข้าว, แปรงฟัน, อาบน้ำ, นอน ทำกิจวัตรประจำวันทั่วไป แต่กลายเป็นว่า มันทำให้ขาดสีสันในชีวิตไป เมื่อทุกคนก็เหมือนๆ กันหมด ไม่ได้มีความแตกต่างอะไรเลย แล้วมันจะมีอะไรให้น่าค้นหาบ้างล่ะ?

เพราะความรู้สึกทำให้เกิดความสัมพันธ์ ความสัมพันธ์นั้นก็ก่อให้เกิดปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ตามมา แต่ว่า ความสัมพันธ์นี่แหละจะช่วยกันให้มนุษย์เดินหน้า ก้าวข้ามสิ่งเหล่านั้นไป และก่อให้เกิดสิ่งใหม่ๆ ขึ้น

เรื่องนี้ต้องการถ่ายทอดให้เห็นว่า "ความรู้สึก, ความสัมพันธ์ และความรัก" หากไร้ซึ่งสิ่งเหล่านี้แล้ว โลกจะเป็นยังไง? ซึ่งถ่ายทอดออกมาได้เรียบๆ เรียบจริงๆ หนังแทบไม่ได้สร้างความรู้สึกร่วมอะไรให้เลย แต่รู้สึกโอเคนะ

ด้านดราม่า-โรแมนติค ความรักที่ต้องหลบซ่อน พล็อต ณ จุดนี้ก็โอเคอยู่ คือจะว่าไงดีล่ะ? ความรักต้องห้ามเหรอ? มันอธิบายออกมาไม่ถูกจริงๆ โลกมันสวนทางกันมากสำหรับเรื่องนี้ ทุกคนต่างไร้ความรู้สึก แต่เรากลับมีความรู้สึก ซึ่งมันทำให้เราดูแปลกแยก แต่ถ้ายึดฐานหลัก โลกความเป็นจริงแล้ว คนที่ไม่มีความรู้สึก ไม่เข้ากับใครเลย มักจะดูเป็นพวกแปลกแยกมากกว่า

ตอนจบเป็นอะไรที่พลิกล็อคพอตัว รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดของตัวละครกับเหตุการณ์จริงๆ "ฉันจำได้ว่า 'ฉันรักเธอ' แต่ฉันไม่รู้สึกอีกแล้ว" มันเป็นอะไรที่เจ็บปวดมาก กับการที่เรามีความรู้สึกดีๆ ให้กับใครสักคน แต่แล้วเขากลับไม่ได้มีความรู้สึกให้เรา หรือเคยมีแต่ตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว

ด้านโปรดักชั่น แอบนึกถึงเรื่อง Oblivion นิดๆ ตรงที่ ทุกอย่างในอนาคตเรียบๆ ง่ายๆ ไม่ต้องตกแต่งหรือมีอุปกรณ์มาเสริม ก็ทำให้มันน่าอยู่ได้ ความเรียบง่ายที่มาพร้อมกับความสะดวกสบาย สมกับโลกแห่งอนาคตจริงๆ

เรื่องนี้คือไม่รู้จะอธิบายอะไรดี แต่ถ้าให้พูดกันโดยรวมคือ หนังเรื่องนี้ถ่ายทอดออกมาเรียบๆ ทั้งด้านเนื้อเรื่องและโปรดักชั่นโลกอนาคต แต่ดูแล้วบันเทิงใช้ได้เลย นักแสดงทั้ง 2 ต่างก็แสดงออกมาได้โอเคครับ โดยเฉพาะ "คริสเตน สจ๊วร์ต" ที่หน้าตายไร้ความรู้สึกมาแต่ไกล

ยังไงก็แนะนำให้ลองไปดูกันนะครับ อาจจะไม่ได้ดีหรือโดดเด่นอะไรมาก แต่ก็ถือว่ามอบความบันเทิงให้ไม่น้อยเลยครับ

Review By : T.J. @ T.J. MOVIE REVIEW

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างแรกและนักแสดงทั้งหมดในภาพยนตร์ Saiki Kusuo no Sainan ฉบับ Live Action

หลังจากประกาศสร้างมาตั้งปี 2015 ก็ได้มีการปล่อยตัวอย่างแรกพร้อมเหล่านักแสดงออกมาทั้งหมดแล้ว ตัวอย่างภาพยนตร์ - https://www.youtube.com/watch?v=4tCACKYolrs&t=0s และมีนักแสดงดังต่อไปนี้

"โกไคเจอร์" กลับมาครบทีม ร่วมฉลองซูเปอร์เซนไตซีรี่ส์ครบ 2,000 ตอน

นับตั้งแต่  "ขบวนการ ห้าจอมพิฆาต โกเรนเจอร์"  ได้ออกฉายตั้งแต่วันที่  4 เมษายน 1975  มาจนถึงขบวนการล่าสุด  "ขบวนการ ราชันย์สรรพสัตว์ จูโอเจอร์"  ซึ่งในวันที่  11 กันยายน  ก็จะฉายครบ  2,000 ตอน พอดี ในตอนที่  28-29   (ฉายวันที่ 4 และ 11 ก.ย.)  จึงได้มีตอนพิเศษขึ้นฉลอง โดยตอนพิเศษทั้ง  2  ตอน จะได้นักแสดงจาก  "ขบวนการ โจรสลัด โกไคเจอร์"  กลับมาแบบครบทีม ในรอบ  3 ปีครึ่ง  หลังจากภาพยนตร์  "ขบวนการ จารชน โกบัสเตอร์ ปะทะ ขบวนการ โจรสลัด โกไคเจอร์ เดอะมูฟวี่"

掟上今日子の備忘録。(Okitegami Kyoko no Biboroku) สมุดบันทึกความทรงจำของ โอคิเตะงามิ เคียวโกะ

            ก่อนจะเริ่มต้นวิจารณ์หรือวิเคราะห์ดีล่ะ เลือกไม่ถูก ถ้างั้นใช้เป็นว่า วิเคราะห์ น่าจะเหมาะสมที่สุดล่ะ ต้องขอบอกก่อนว่า ไม่ได้ตามดูซีรี่ส์จากทางฝั่งญี่ปุ่นมานานมากประมาณเกือบ 3 ปีได้ หลังจากซีรี่ส์ “Ando Lloyd - A.I. Knows Love ?” แล้วช่วงนี้ประจวบเหมาะกับไม่มีอะไรดู (เหรอ ? ) เลยลองมานั่งหาซีรี่ส์จากทางญี่ปุ่นดูบ้าง เปลี่ยนแนวจากที่ปกติเดิมจะดูแต่ซีรี่ส์ภาพยนตร์จากทางอเมริกาซะส่วนใหญ่ และ Okitegami Kyoko no Biboroku. เพื่อนก็แนะนำมาตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วก่อนซีรี่ส์จะจบด้วยซ้ำ (ตอนนั้น ฉายไป 8 ตอน ซีรี่ส์มีทั้งหมด 10 ตอน) เขาดูกันไปจะเกือบปีล่ะ ตัวเองพึ่งจะมานั่งดู หยิบขึ้นมาดูเท่านั้นแหละ กลายเป็นติดใจจนเลิกดูไม่ได้ นั่งดูอยู่บนห้องมันทั้งวันนี่แหละครับ ฮา