ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Review : The Man Who Knew Infinity

Review : The Man Who Knew Infinity
Score : 8/10

"คณิตศาสตร์เป็นมากกว่าศาสตร์ มันคือความงามอนันต์ที่มาพร้อมกับปริศนา
ไม่รู้เรื่องคณิตก็ดูได้สบายๆ อีก 1 เรื่องราวของอัจฉริยะที่โลกมองข้าม
ได้ถูกเปิดออกแล้ว!"

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ด้านเนื้อเรื่อง จะพูดถึง "รามานุจัน" นักคณิตศาสตร์อัจฉริยะชาวอินเดีย ผู้ซึ่งเรียนไม่จบ แต่สามารถคิดสูตรหาค่าถอดพาทิชั่นได้ จากคนที่ถูกปฎิเสธ, ดูถูก กลับกลายเป็นอัจฉริยะที่ถูกยกย่องในเวลาต่อมา ดูแล้วก็รวบรัดตัดตอนดีครับ กระชับไม่ยืดมาก แต่ว่า บางช่วงเร่งไปนิดนึง ดูแหว่งๆ ไปหน่อย แต่ก็ไม่ได้มีผลอะไรมากกับการดำเนินเรื่อง ยังถือว่า โอเคครับ

เนื้อเรื่องก็จะผสมระหว่างดราม่า-โรแมนติค ซึ่งก็ถือว่าผสมออกมาได้กลมกล่อมอยู่ครับ พาร์ทโรแมนติคจะเหมือนเป็นส่วนเสริมของส่วนเสริมซะมากกว่า มีผลต่อการเดินเรื่องนิดนึง แต่หลักๆ จะตกอยู่ที่ดราม่าชีวิตของ "รามานุจัน" ซึ่งต้องเจอกับการดูถูกเหยียดยามจากชนชั้นสูง ที่มองว่าเป็นคนไร้การศึกษา ในระหว่างที่ค้นหาสมการเพื่อถอดพาทิชั่น ยอมรับเลยว่า สามารถถ่ายทอดเรื่องราวตรงนี้ออกมาได้ดีอยู่ในระดับนึง  มีพูดถึงพวกสูตรสมการต่างๆ บ้างเล็กน้อย ไม่ได้เยอะจนเกินไป ดังนั้นต่อให้ไม่เก่งคณิตศาสตร์มาก็สามารถดูเรื่องนี้ได้สบายๆ ครับ

ด้านนักแสดงนำ "Dev Patel & Jeremy Irons" ทั้ง 2 คนถือว่า ส่งไม้รับกันไปกันมาได้โอเคอยู่ครับ เล่นกันได้ดี แต่ยังรู้สึกว่า "Dev Patel" ยังเล่นแข็งๆ ไปนิดนึง ไม่รู้ว่าตัวจริงของคุณรามานุจันจะเป็นแบบนี้รึเปล่า? ส่วนทาง "Jeremy Irons" ที่รับบทเป็น ฮาร์ดี้ ผู้คอยช่วยเหลือรามานุจันในการถอดสมการ ก็เล่นออกมาได้โอเคอยู่ครับ แอบมีนึกถึงบทอัลเฟรด นิดๆ ที่กวนๆ เล็กน้อย (ปีนี้เจอลุง Jeremy กันบ่อยอย่างจริงจัง)

เพลงประกอบแทบจะไม่ค่อยได้ยินสักเท่าไรเลย? ส่วนใหญ่จะมาพร้อมกับฉากที่เป็นฉากสำคัญของเรื่อง ซึ่งก็ถือว่าช่วยสร้างอารมณ์ร่วมกับหนังได้ดีอยู่ครับ

ผู้ที่เป็นอัจฉริยะเหมือนมาพร้อมกับสิ่งที่ต้องแลก ไม่อายุสั้นก็จะมีความบกพร่องในด้านใดด้านหนึ่ง ซึ่งมันเหมือนเป็นของคู่กันจริงๆ "รามานุจัน" เอง ก็มาพร้อมกับสิ่งนี้ด้วยเช่นกัน

โดยรวมก็ถือว่าเป็นภาพยนตร์ที่สร้างจากเรื่องจริงของอัจฉริยะผู้ที่โลกลืม ที่ดัดแปลงออกมาได้โอเคครับ แต่ถ้าเทียบกับ "The Imitation Game" เมื่อปีที่แล้ว เรื่องนั้นถือว่า ถ่ายทอดเนื้อหาออกมาได้เข้มข้นมากกว่า แต่ยังไงอยากก็แนะนำให้ลองไปรับชมกันครับ

สุดท้ายนี้ ก็ต้องขอขอบคุณบัตรชมภาพยนตร์รอบพิเศษในครั้งนี้ จากทาง Mongkol Cinema ด้วยนะครับ


Review By : T.J. @  T.J. MOVIE REVIEW

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

掟上今日子の備忘録。(Okitegami Kyoko no Biboroku) สมุดบันทึกความทรงจำของ โอคิเตะงามิ เคียวโกะ

            ก่อนจะเริ่มต้นวิจารณ์หรือวิเคราะห์ดีล่ะ เลือกไม่ถูก ถ้างั้นใช้เป็นว่า วิเคราะห์ น่าจะเหมาะสมที่สุดล่ะ ต้องขอบอกก่อนว่า ไม่ได้ตามดูซีรี่ส์จากทางฝั่งญี่ปุ่นมานานมากประมาณเกือบ 3 ปีได้ หลังจากซีรี่ส์ “Ando Lloyd - A.I. Knows Love ?” แล้วช่วงนี้ประจวบเหมาะกับไม่มีอะไรดู (เหรอ ? ) เลยลองมานั่งหาซีรี่ส์จากทางญี่ปุ่นดูบ้าง เปลี่ยนแนวจากที่ปกติเดิมจะดูแต่ซีรี่ส์ภาพยนตร์จากทางอเมริกาซะส่วนใหญ่ และ Okitegami Kyoko no Biboroku. เพื่อนก็แนะนำมาตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วก่อนซีรี่ส์จะจบด้วยซ้ำ (ตอนนั้น ฉายไป 8 ตอน ซีรี่ส์มีทั้งหมด 10 ตอน) เขาดูกันไปจะเกือบปีล่ะ ตัวเองพึ่งจะมานั่งดู หยิบขึ้นมาดูเท่านั้นแหละ กลายเป็นติดใจจนเลิกดูไม่ได้ นั่งดูอยู่บนห้องมันทั้งวันนี่แหละครับ ฮา

Review : Detective Conan EPISODE “ONE”

Review : Detective Conan EPISODE “ONE” Score : 8.5/10 "เสริมเนื้อเรื่องได้ดี ดูเพลิน สนุกมาก ตัวละครมากันพร้อมหน้า ใครที่เป็นแฟนโคนันฟินแน่..." “ยอดนักสืบจิ๋ว โคนัน EPISODE “ONE” กำเนิดยอดนักสืบจิ๋ว” เป็นอนิเมะตอนพิเศษที่นำเอาตอนที่ 1 ของโคนัน มาขยายเรื่องราวเพิ่มขึ้น ว่าตัวละครแต่ล่ะตัว ทำอะไรอยู่ที่ไหนอย่างไรบ้าง และมีเนื้อเรื่องบางส่วนที่ขยายเรื่องราวนอกจากตอนที่ 1 มาด้วย ซึ่งฉายไปเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม ที่ผ่านมาในประเทศญี่ปุ่น และบ้านเราก็ได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์วันที่ 22 ธันวาคม ครับ แต่ก่อนหน้านั้น ก็สามารถชมได้ทาง iFlix ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม ถือว่า ฉายห่างจากญี่ปุ่นแค่ประมาณ 1-2 อาทิตย์เอง

รวมข่าวทั้งหมดของ "Supergirl Season 2" และสิ้นปีนี้เตรียมพบ Big Event ของ DC Super Heroes ในช่อง The CW

หลังจากช่วงกลางเดือนที่ผ่านมาได้มีการ  ยืนยัน! "Supergirl" ย้ายจากช่อง CBS ไป CW พร้อมทีมนักแสดงกลับมาครบชุด  ก็ได้มีข้อมูลใหม่เพิ่มเติมออกมา พร้อม Teaser อย่างเป็นทางการ ว่าสิ้นปีนี้เตรียมพบกับการเปลี่ยนแปลงของ "Supergirl" โดยการย้ายมาฉายในช่อง The CW นั่นเอง