ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Review : Master

Review : Master ล่าโกง...อย่ายิงมันแค่โป้งเดียว [31/2017]

"Production อลังการในสไตล์เกาหลีผสม Hollywood
เพลงประกอบเข้ากับสถานการณ์ ไล่ล่าระห่ำ หักเหลี่ยมเฉือนคมกันได้อย่างถึงใจ
เข้าใจเนื้อหาได้ไม่ยาก ความฮาแบบหยอดให้เราสนุกไปกับหนังได้อย่างดี"


Master เป็นเรื่องราวของตำรวจผู้ตงฉินที่ต้องการจะเปิดโปงบริษัทฉ้อโกง ที่ใช้เงินผู้บริสุทธิ์มาใช้บังหน้าอย่าง One Network เพื่อที่จะทำให้ประชาชนได้รับรู้เรื่องราวความเลวทรามของประธานบริษัท แต่เมื่อการวางแผนเปิดโปงนำไปสู่สถานการณ์ที่เลวร้ายยิ่งกว่าจึงทำให้เขาต้องไล่ล่าผู้กระทำผิดมาลงโทษด้วยมือของเขาเอง

มาพูดถึงทางด้าน Production กันก่อน รู้สึกได้เลยว่ามันดูราคาไม่ถูกเลยดูหรูไปหมด โดยรวมถ้าไม่ติดว่ามันเป็นภาษาเกาหลี นึกว่านี้คือหนัง Hollywood เรื่องนึงก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นมุมกล้องสวยๆ ที่รู้สึกได้ว่าเขาคิดมาอย่างดีแล้ว ยังมีเพลงประกอบที่ดู Hollywood แบบจ๋าๆ ไปเลยอีกต่างหาก แถมยังเลือกได้อย่างถูกจังหวะและสถานการณ์เป็นอย่างมาก เพลงขึ้นปุ๊บเรารู้ทันทีว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร กำลังตึงเครียดหรือว่ากำลังวางแผน ฯลฯ สามารถสื่อสารออกมาได้อย่างชัดเจนไม่มากไม่น้อยจนเกินไป

ในตัวเรื่องของหนังเรื่องนี้จะมีแนวคิดและคำศัพท์ทางธุรกิจค่อนข้างเยอะเพื่อใช้ประกอบการอธิบายวิธีการหักเหลี่ยมเฉือนคมกันในหนัง ที่บอกได้เลยว่าถึงลูกถึงคนไม่มีใครยอมใคร ซ้อนแผนไปซ้อนแผนมา แต่ไม่ต้องกังวลเลยแม้แต่น้อย เพราะคำพูดพวกนี้จะถูกใช้และจบแค่ในตัวหนังเท่านั้น พร้อมที่จะทำให้เราทำความเข้าใจไปพร้อมกับตัวหนัง หายห่วงกันได้เลยอารมณ์ของหนังจะพาคุณเข้าใจภาษาและสถานการณ์ของหนังได้เอง โดยไม่ต้องคิดอะไรให้ยุ่งยากขอแค่ตามสถานการณ์ในตัวหนังให้ทันเป็นพอ ต้องชื่นชมคนคิดบทที่ทำให้เราเข้าใจเนื้อหาของหนังที่ยากๆให้เข้าใจได้อย่างง่ายดาย ผ่านทางอารมณ์ของหนังที่พาเราไปจริงๆ ครับ

การแสดงของนักแสดงในเรื่องนี้ก็ถือว่าทำได้ดีเลยล่ะครับ เพราะแต่ละคนเข้าถึงบทบาทและสามารถสร้างเอกลักษณ์ของตัวละครได้เป็นอย่างดี มีเกินๆไปบ้าง แต่ก็ค่อนข้างเข้ากันได้ดีกับตัวหนังและการแสดงของแต่ละคนมันช่างส่งให้แต่ละคนหยอดมุขตลกออกมาได้อย่างแยบยลจริงๆ ดูแล้วรู้สึกได้ถึงความลงตัว ทั้งการแสดงและมุขตลก ที่สามารถทำให้หนังสามารถเดินไปได้และไม่น่าเบื่อเลย

ฉากบู๊ของหนังเรื่องนี้รู้สึกว่าการสู้แบบตัวต่อตัวยังไม่ถึงขั้นเท่าไหร่ ยังดูไม่ค่อยสาแก่ใจนัก แต่ถ้าเป็นฉากการไล่ล่าล่ะก็บอกได้เลยว่าถึงใจสุดๆ ลุ้นตัวเกร็งเลยครับว่าจะเป็นยังไงต่อไป เป็นการออกแบบฉากไล่ล่าที่ดูดีเอามากๆ ทั้งมุมกล้องและสถานการณ์ที่การไล่ล่าในแต่ละฉากมันพาไปมันช่างลุ้นระทึกเสียนี้กระไร

โดยรวมแล้วหนังเรื่องนี้ทำออกมาได้อย่างดี ไม่เสียของที่เอาดาราดีๆมาใช้ ทั้งการแสดง โปรดักชั่น คิวบู๊ ฉากการไล่ล่า ถือว่าสมราคาคุย แถมตัวหนังยังสอดแทรกมุขตลกได้อย่างแยบยลไม่มีอาการสะดุดของอารมณ์หนังให้เห็นเลยแม้แต่น้อย ทำให้รู้เลยว่าอุตสาหกรรมหนังของเกาหลีใต้เจริญก้าวไกลไปมากโขเลยทีเดียว แต่ก็ยังมีจุดติเล็กน้อยตรงที่ใช้บางช็อตเป็นการถ่ายภาพโดยใช้โดรนมันไม่ค่อยสมูทเท่าไหร่ มุมกล้องได้แต่ภาพไม่ค่อยสมูทเท่านั้นเอง แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรมากมาย ถ้าหนังเรื่องนี้มีโอกาสได้เข้าโรงหนังใกล้บ้านคุณก็ลองไปรับชมกันเถอะครับไม่ผิดหวังแน่นอน

ป.ล. หนังเรื่องนี้มีทั้ง Mid-Credit และ End-Credit ดูจบแล้วอย่าเพิ่งลุกออกจากโรงกันนะครับ แล้วจะรู้ซึ้งถึงมุขตลกร้ายที่โคตรพีค ทั้งฮาทั้งเจ็บในเวลาเดียวกันเลยครับ 555+

REVIEW BY : MR. P @ T.J. ENTERTAINMENT REVIEW
Score : 8/10

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างแรกและนักแสดงทั้งหมดในภาพยนตร์ Saiki Kusuo no Sainan ฉบับ Live Action

หลังจากประกาศสร้างมาตั้งปี 2015 ก็ได้มีการปล่อยตัวอย่างแรกพร้อมเหล่านักแสดงออกมาทั้งหมดแล้ว ตัวอย่างภาพยนตร์ - https://www.youtube.com/watch?v=4tCACKYolrs&t=0s และมีนักแสดงดังต่อไปนี้

"โกไคเจอร์" กลับมาครบทีม ร่วมฉลองซูเปอร์เซนไตซีรี่ส์ครบ 2,000 ตอน

นับตั้งแต่  "ขบวนการ ห้าจอมพิฆาต โกเรนเจอร์"  ได้ออกฉายตั้งแต่วันที่  4 เมษายน 1975  มาจนถึงขบวนการล่าสุด  "ขบวนการ ราชันย์สรรพสัตว์ จูโอเจอร์"  ซึ่งในวันที่  11 กันยายน  ก็จะฉายครบ  2,000 ตอน พอดี ในตอนที่  28-29   (ฉายวันที่ 4 และ 11 ก.ย.)  จึงได้มีตอนพิเศษขึ้นฉลอง โดยตอนพิเศษทั้ง  2  ตอน จะได้นักแสดงจาก  "ขบวนการ โจรสลัด โกไคเจอร์"  กลับมาแบบครบทีม ในรอบ  3 ปีครึ่ง  หลังจากภาพยนตร์  "ขบวนการ จารชน โกบัสเตอร์ ปะทะ ขบวนการ โจรสลัด โกไคเจอร์ เดอะมูฟวี่"

掟上今日子の備忘録。(Okitegami Kyoko no Biboroku) สมุดบันทึกความทรงจำของ โอคิเตะงามิ เคียวโกะ

            ก่อนจะเริ่มต้นวิจารณ์หรือวิเคราะห์ดีล่ะ เลือกไม่ถูก ถ้างั้นใช้เป็นว่า วิเคราะห์ น่าจะเหมาะสมที่สุดล่ะ ต้องขอบอกก่อนว่า ไม่ได้ตามดูซีรี่ส์จากทางฝั่งญี่ปุ่นมานานมากประมาณเกือบ 3 ปีได้ หลังจากซีรี่ส์ “Ando Lloyd - A.I. Knows Love ?” แล้วช่วงนี้ประจวบเหมาะกับไม่มีอะไรดู (เหรอ ? ) เลยลองมานั่งหาซีรี่ส์จากทางญี่ปุ่นดูบ้าง เปลี่ยนแนวจากที่ปกติเดิมจะดูแต่ซีรี่ส์ภาพยนตร์จากทางอเมริกาซะส่วนใหญ่ และ Okitegami Kyoko no Biboroku. เพื่อนก็แนะนำมาตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วก่อนซีรี่ส์จะจบด้วยซ้ำ (ตอนนั้น ฉายไป 8 ตอน ซีรี่ส์มีทั้งหมด 10 ตอน) เขาดูกันไปจะเกือบปีล่ะ ตัวเองพึ่งจะมานั่งดู หยิบขึ้นมาดูเท่านั้นแหละ กลายเป็นติดใจจนเลิกดูไม่ได้ นั่งดูอยู่บนห้องมันทั้งวันนี่แหละครับ ฮา