ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Review : Mama, Gohan mada? (What´s For Dinner, Mom?)

Review : Mama, Gohan mada? (What´s For Dinner, Mom?) [33/2017]

"การเล่าเรื่องละมุนละไม เข้าถึงใจผู้คนได้ไม่ยาก เปิดความรู้สึกให้เราคิดถึงแม่
ดูเสร็จแล้วหิวจนอยากออกไปหาอะไรกินหลังดูจบ"


หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความทรงจำของ ทาเอะ และ โย ที่มีต่อแม่ของพวกเธอเมื่อวันนึงพวกเธอกลับไปยังบ้านเก่าที่เคยอยู่กับแม่ จนไปค้นพบสมุดที่จดบันทึกเรื่องราวในอดีตของแม่พวกเธอ ทั้งที่รู้และไม่รุ้ในหลาย ๆ แง่มุม ไม่ว่าจะเป็นสูตรอาหารไต้หวันที่แม่ของเธอได้มาจากการจดและเรียนรู้ด้วยตัวเองตอนที่ไปอยู่ไต้หวันกับพ่อของพวกเธอ และเรื่องราวอีกมากมายที่เป็นเรื่องราวของแม่พวกเธอที่ตามค้นหาและค่อยๆ เปิดเผยออกมา อย่างอบอุ่นและชวนคิดถึง จนถึงเรื่องราวก่อนที่แม่ของพวกเธอก่อนจะเป็นมะเร็งและเสียชีวิตไป

สิ่งที่หลายๆ คนรวมถึงตัวผมเองคาดหวังจะได้เห็นในหนังเรื่องนี้คือ อาหารที่ชวนหิวและหวนคิดถึงความทรงจำในอดีต ซึ่งหนังเรื่องนี้ก็ทำได้สำเร็จประมาณนึง ในการผลักดันเรื่องราวเกี่ยวกับอาหารโดยฝีมือของแม่ที่ทำให้เราหิวได้พอสมควร แล้วอาหารที่เราจะได้เห็นในหนังมันจะไม่ใช่อาหารญี่ปุ่นปกติ แต่มันจะเป็นอาหารของคนไต้หวัน ซึ่งพอนึกย้อนมาดูวัฒนธรรมการกินของไทย เราก็จะเห็นได้ว่าอาหารของไทยค่อนข้างที่จะได้รับอิทธิพลมาพอสมควร จนทำให้เรารู้สึกคุ้นเคยและหิวตามกันเลยทีเดียว

ในด้านของบทก็ถือว่าพอใช้ได้ โดยเฉพาะตอนกลางเรื่องที่ใช้อาหารที่เป็นแกนหลักของเรื่องทำให้คนดูอย่างเราๆรู้สึกเหมือนได้นั่งอยู่ท่ามกลางครอบครัวและกินข้าวกันพร้อมหน้าพร้อมตากัน รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นในรูปแบบของครอบครัวที่ใครหลายคนอาจไม่ค่อยได้สัมผัสสิ่งนี้จากหนังเรื่องอื่นๆ ได้มากนัก

แต่ก็มีปัญหาอยู่นิดหน่อยตรงการอธิบายถึงเรื่องราวอื่นๆที่ดูจะหลุดกรอบจากที่เราคิดมากไปหน่อย เพราะหนังเรื่องนี้ไม่ได้มีแค่ประเด็นเกี่ยวกับอาหารของแม่เพียงอย่างเดียว แต่จะมีการเล่าเรื่องอื่นๆที่เป็นแง่มุมต่างๆ ของแม่มากกว่าเรื่องของอาหารเสียอีก

แถมยังมีการสอดแทรกเรื่องราวเกี่ยวกับวัฒนธรรมที่แตกต่างกันและเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ในช่วงนั้นของญี่ปุ่นและไต้หวันไปเพิ่มเติมจนคนพูอาจจะหลงประเด็นและอาจสงสัยว่าตกลงแล้วหนังต้องการจะสื่อถึงประเด็นไหนเป็นหลักกันแน่ มันทำให้เรารู้สึกเหมือนดูซีรีส์ที่มีตัวละครหลากหลายมุมและพยายามจะเล่าให้เยอะแต่กลับดูไม่เมคเซนส์เพราะเวลาในการเล่าไม่ค่อยจะพอ แต่ก็ยังพอรับได้เพราะมันถูกเคลียร์ในทุกๆประเด็นถึงแม้จะดูงงๆไปนิดก็เถอะ

การตัดต่อของหนังเรื่องค่อนข้างจะผสานกับการเล่าเรื่องได้ดี เพราะหนังเรื่องนี้จะใช้วิธีการเล่าที่ค่อนข้างละมุนละไมจนบางทีมันเบาบางไปหน่อย จนใครหลายคนอาจหลับตั้งแต่ต้นเรื่องได้ถ้าคุณนอนหลับมาไม่เพียงพอ แต่ถ้าผ่านจุดเริ่มเรื่องไปได้ก็จะสามารถอิ่มเอมกับเรื่องราวที่ถูกปูมาตั้งแต่ต้นเรื่องได้ แต่ก็มีจุดติอยู่นิดนึงตรงที่การตัดต่อมันจะค่อยๆเผยเรื่องราวทีละน้อยๆจนมาถึงเรื่องราวที่ควรจะดราม่าแต่มันไม่ค่อยสุด เพราะบางส่วนของเรื่องราวที่ควรจะมีการบอกเล่าก่อนที่จะถึงพาร์ทดราม่า มันอยู่ผิดที่ผิดทางไปหน่อย ถ้าเขาจะนำเรื่องราวต่างๆที่เกี่ยวกับแม่มาใส่ได้อย่างถูกที่ถูกทาง เราจะสามารถอินกับเรื่องราวได้มากกว่านี้จนทุกคนร้องไห้ได้อย่างแน่นอน

มุมกล้องของหนังเรื่องนี้ถือว่าเข้ากันกับสิ่งที่ตัวหนังต้องการจะสื่อได้ดีพอตัว โดยเฉพาะการใช้ Close Up จนเรารู้ว่าอาหารแต่ละอย่างมีรายละเอียดอย่างไรบ้างจนเราหิวหนักมาก แถมมุมกล้องที่เขาตั้งใจใช้กับการเล่าเรื่องก็ทำได้ดี เพราะมันสามารถแสดงสัญลักษณ์ที่ผ่านออกมาให้คนดูได้ตีความได้อย่างชัดเจน

จุดนี้แอดมิน T.J. ฝากมาฮะ (อิอิ) Subtitle ถือว่าแปลได้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้น ในบางคำที่ควรใช้ก็ดูถูกที่ถูกทางและถูกอิริยาบทการพูดมากขึ้น แต่สำหรับ Mr.P ผมว่ามันก็พอดูได้แต่ก็ยังมีจุดที่แปลได้ยังไม่ค่อยโอเคอยู่เหมือนกัน แต่ก็ยังดีอยู่ครับพอเข้าใจได้ เพราะว่าแปลมาจากภาษาอังกฤษทำให้บางคำอาจจะไม่ได้ถูกต้องเป๊ะๆนัก แต่ก็ถือว่าโอเคครับ ไม่มีปัญหา เป็นกำลังใจให้นักแปลครับ แต่ถ้าค่ายหนังสนใจให้พวกเราแปลงานให้ก็ติดต่อมาได้นะครับ แหะๆ

สรุปโดยรวมถือว่า เป็นหนังที่ดีเรื่องนึงเลยครับืเป็นอีกทางเลือกนึงในการรับชมที่ดีที่เราจะได้ทบทวนความทรงจำดีๆในสมัยเด็กๆที่ทำให้เราหวนคิดถึงที่ครอบครัวของเรามีให้กันและกัน อบอุ่นละมุนละไมอย่างไม่น่าเชื่อถ้าคุณหิวรหว่างชมหนังเรื่องนี้แสดงว่าคุณยังไม่ได้กินข้าวนะครับ 555+ ไม่ใช่สิ!!! คุณอาจหิวระหว่างดูหนังเรื่องนี้ อย่าลืมหาอะไรกินให้อิ่มท้องก่อนเข้าไปรับชมกันนะครับ Mr.P เป็นห่วง แหะๆ

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทางสหมงคลฟิล์ม สำหรับน้องอิมเมจและตั๋วหนังรอบสื่อนะคร้าบบบ (โดยเฉพาะน้องอิมเมจที่น่ารักเป็นอย่างมาก แฟนคลับเลยคร้าบบบบ แหะๆ)

Score : 7.75/10 (T.J. 7/10, Mr.P 8.5/10)
Review By : Mr.P @ T.J. ENTERTAINMENT REVIEW

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างแรกและนักแสดงทั้งหมดในภาพยนตร์ Saiki Kusuo no Sainan ฉบับ Live Action

หลังจากประกาศสร้างมาตั้งปี 2015 ก็ได้มีการปล่อยตัวอย่างแรกพร้อมเหล่านักแสดงออกมาทั้งหมดแล้ว ตัวอย่างภาพยนตร์ - https://www.youtube.com/watch?v=4tCACKYolrs&t=0s และมีนักแสดงดังต่อไปนี้

掟上今日子の備忘録。(Okitegami Kyoko no Biboroku) สมุดบันทึกความทรงจำของ โอคิเตะงามิ เคียวโกะ

            ก่อนจะเริ่มต้นวิจารณ์หรือวิเคราะห์ดีล่ะ เลือกไม่ถูก ถ้างั้นใช้เป็นว่า วิเคราะห์ น่าจะเหมาะสมที่สุดล่ะ ต้องขอบอกก่อนว่า ไม่ได้ตามดูซีรี่ส์จากทางฝั่งญี่ปุ่นมานานมากประมาณเกือบ 3 ปีได้ หลังจากซีรี่ส์ “Ando Lloyd - A.I. Knows Love ?” แล้วช่วงนี้ประจวบเหมาะกับไม่มีอะไรดู (เหรอ ? ) เลยลองมานั่งหาซีรี่ส์จากทางญี่ปุ่นดูบ้าง เปลี่ยนแนวจากที่ปกติเดิมจะดูแต่ซีรี่ส์ภาพยนตร์จากทางอเมริกาซะส่วนใหญ่ และ Okitegami Kyoko no Biboroku. เพื่อนก็แนะนำมาตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วก่อนซีรี่ส์จะจบด้วยซ้ำ (ตอนนั้น ฉายไป 8 ตอน ซีรี่ส์มีทั้งหมด 10 ตอน) เขาดูกันไปจะเกือบปีล่ะ ตัวเองพึ่งจะมานั่งดู หยิบขึ้นมาดูเท่านั้นแหละ กลายเป็นติดใจจนเลิกดูไม่ได้ นั่งดูอยู่บนห้องมันทั้งวันนี่แหละครับ ฮา

Review : Kung Fu Panda 3

Review : Kung Fu Panda 3 Score : 8/10 "ดูเพลิน สนุก ตลกฮา ปนน่ารักของเหล่าแพนด้า ตอนท้ายซึ้งดี พร้อมออกตามหาตัวตน ว่าเรานั้นเป็นใคร?" เรื่องย่อ : การกลับมาของพ่อแพนด้าของโปที่หายสาบสูญไปเมื่อนานมาแล้ว ทั้งคู่กลับมาร่วมทางกันสู่เมืองลับแลของแพนด้า เพื่อพบกับพวกแพนด้าตัวตลกหน้าใหม่ แต่เมื่อจอมวายร้ายผู้อยู่เหนือธรรมชาติอย่าง ไค เริ่มกวาดล้างประเทศจีนด้วยการเอาชนะจ้าวแห่งกังฟูทั้งหมด โพต้องทำสิ่งเหลือเชื่ออย่างการศึกษาวิธีการฝึกฝนเหล่าพี่น้องจอมเซ่อที่น่ารักของเขา เพื่อให้กลายเป็นเหล่าสุดยอดกังฟูแพนด้า!