ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Review : Miss Sloane

Review : Miss Sloane [12/2017]
Score : 9/10

"ดุเดือด เข้มข้น รวมเข้ากับการแสดงที่เฉียบขาดของ Jessica Chastain
การแสดงที่ดีที่สุดยังไม่พอ แต่ยังเดือดที่สุดอีกด้วย
ทำให้เรื่องนี้เป็นหนังที่ผู้ชื่นชอบทริลเลอร์การเมืองไม่ควรพลาด"


Miss Sloane เป็นภาพยนตร์แนวทริลเลอร์การเมืองที่กำกับโดย John Madden และเขียนบทโดย Jonathan Perera และนำแสดงโดย Jessica Chastain ในบท Madeline Elizabeth Sloane นักวิ่งเต้นชื่อเสียงกระฉ่อนกรุงวอชิงตันดีซี

ดูจากตัวอย่างหลายๆ คนอาจจะนึกว่า เป็นภาพยนตร์ที่สร้างจากเรื่องจริงรึเปล่า? แต่ต้องขอบอกว่าไม่ครับ เป็นภาพยนตร์ที่แต่งขึ้นมาทั้งหมดเลย แต่อ้างอิงในส่วนของกฎหมายและการล็อบบี้ยิสต์ต่างๆ จากพื้นฐานความเป็นจริงครับ ซึ่งผมชอบมากและรู้สึกดีที่มีหนังแบบนี้ออกมา เพราะว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ จะเห็นหนังดัดแปลงมาจากเรื่องจริงเยอะมาก เวลาดูก็ยังคงสนุกแต่ว่า พอเรารู้ว่าตอนจบเป็นยังไง ก็เหมือนกับเข้าไปดูเรื่องราวที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นมา

แต่กับเรื่อง Miss Sloane นี้ การเขียนบทของเขามีความสมจริงมาก จนนึกว่าสร้างจากเรื่องจริง เพราะประเด็นที่หนังเรื่องนี้หยิบขึ้นมาเล่นก็คือการต่อต้านกฏหมายการตรวจประวัติของผู้ซื้ออาวุธในอเมริกา ซึ่งกฏหมายนี้มีใช้จริงในหลายรัฐ และทุกอย่างที่หนังเหมือนเผยไพ่ออกมา ดูแล้วเป็นไพ่ที่ก็อาจจะ เออ ใส่มางั้นๆ แหละ แต่พอถึงคราวเปิดไพ่ปุ๊บ เจอ Royal Straight Flush เข้าไปเต็มๆ เรียกได้ว่าอึ้งกันไปเลยทีเดียว ซึ่งก็เข้ากับคำพูดของตัว Miss Sloane "เมื่อคุณคิดว่าคู่ต่อสู้ใช้ท่าไม้ตายแล้วตายใจแล้วนั้น ก็จงงัดเซอร์ไพรซ์ของตัวเองออกมา" โดยช่วงตอนใกล้จบ ผมมองว่าเขียนมาได้ดีมากๆ ถึงแม้ว่างานนี้จะเป็นผลงานแรกของ Jonathan Perera ก็ตาม

เรื่องนี้มีความคล้าย "The Big Short" เป็นอย่างสูง ของการอ่านเกมส์ที่กำลังเกิดขึ้นให้ออก และทำทุกวิถีทางที่ทำให้เราเป็นฝ่ายที่เหนือกว่า แม้ต้องเสี่ยงจนถึงขนาดที่ต้องเอาตัวเองเข้าแลกก็ยอม เพื่อให้สามารถคว้าชัยชนะนั้นมา แต่ก็ต้องแลกกับการล้ำเส้น ซึ่งนั่นก็คือ "ความเคารพต่อคนที่เขาเคารพเรา" ทำให้คนหลายๆ คนอาจจะอืมและไม่ชอบเราไปเลย เพราะบุคลิกที่แสดงออกมา เหมือนกับคนเย็นชาที่ไม่แคร์ใดๆ เพื่อที่จะทำให้ความต้องการของตัวเองสมหวังให้ได้ มองเห็นคนอื่นเป็นแค่เครื่องมือหรือทางผ่านเพื่อไปถึงในจุดสูงสุด

จุดเด่นที่สุด ที่ทุกคนต้องได้ยินกันมาแน่นอนก็คือการที่มีหลายเสียงออกมาบอกว่านี่คือการแสดงที่ยอดเยี่ยมที่สุดของ Jessica Chastain ผมเองก็ต้องยอมรับจริงๆว่านี่คือผลงานที่ยอดเยี่ยมมากของเธอ บทตัวละครของ Miss Sloane นั้นแน่นมากอยู่แล้ว บวกกับการแสดงที่ดุดัน เฉียบขาด โดยเฉพาะแววตาของเธอ ผมมองว่าเป็นสายตาที่ดุดันมากๆ ตัวละครนี้เป็นตัวละครหลัก นั่นหมายความว่าตัวละครนี้จะต้องได้รับบทเยอะสุด ผมมองว่าเธอแบกหนังทั้งเรื่องได้จริงๆ ครับ เป็นตัวละครที่คนดูจะต้องรู้สึกรักและเกลียดในเวลาเดียวกันแน่นอน

อีกจุดที่ผมคิดว่าหลายคนอาจจะมองข้าม แต่มันติดตราตรึงใจผมมากเลยก็คือดนตรีประกอบ โดยดนตรีประกอบเรื่องนี้ใช้เป็นออกแนว Electronica Ambience เป็นแนวที่ผมหลงไหลมาก เพราะเป็นแนวที่สร้างบรรยากาศได้ดี เพลงแนวนี้ให้ความรู้สึกลึกลับ ซับซ้อน เดาทางยาก เหมาะกับหนังทริลเลอร์แบบที่ซีเรียสและเน้นคุยแบบนี้มากครับ แต่โดนส่วนใหญ่เพลงเหล่านี้จะถูกใช้ในธีม Sci-Fi แต่มาได้เห็นใช้แบบนี้ก็รู้สึกว่าเข้ากันดีมากครับ

จุดที่เป็นข้อติของหนังเรื่องนี้ มีอยู่จุดเดียวใหญ่ๆ เลย นั่นก็คือการที่หนังไปเร็วมากและดูยาก กฎหมายควบคุมอาวุธปืนที่ไม่มีการอธิบายอะไรมาก ต้องมานั่งซึมซับความเข้าใจเองว่า มันคือกฎหมายอะไร และในช่วงแรกๆ ของเรื่อง ที่มีการประชุมกัน พูดกันแบบไฟแลบ แล้วส่วนใหญ่เป็นคำเฉพาะทางในด้านการเมืองอเมริกาครับ ตอนที่ผมดูบางทีผมอ่านซับผมยังไม่เข้าใจเลยว่าตัวละครจะพูดอะไร ผู้ชมต้องมีความรู้เรื่องการเมืองอเมริกาและการวิ่งเต้นในอเมริกามากพอสมควรครับ

อาจจะเป็นภาพยนตร์เข้าถึงยากสักนิดสำหรับผู้ชมในประเทศไทย แต่ว่า ถ้านั่งดูจริงๆ ถือว่าเป็นเรื่องที่มีความใกล้ตัวกับเราพอสมควร เพราะบ้านเราเองก็มีในส่วนของล็อบบี้บิสต์ด้วยเช่นเดียวกัน ดังนั้น Miss Sloane ถือเป็นภาพยนตร์ทริลเลอร์การเมืองชั้นเยี่ยมที่ไม่ควรพลาดครับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างแรกและนักแสดงทั้งหมดในภาพยนตร์ Saiki Kusuo no Sainan ฉบับ Live Action

หลังจากประกาศสร้างมาตั้งปี 2015 ก็ได้มีการปล่อยตัวอย่างแรกพร้อมเหล่านักแสดงออกมาทั้งหมดแล้ว ตัวอย่างภาพยนตร์ - https://www.youtube.com/watch?v=4tCACKYolrs&t=0s และมีนักแสดงดังต่อไปนี้

掟上今日子の備忘録。(Okitegami Kyoko no Biboroku) สมุดบันทึกความทรงจำของ โอคิเตะงามิ เคียวโกะ

            ก่อนจะเริ่มต้นวิจารณ์หรือวิเคราะห์ดีล่ะ เลือกไม่ถูก ถ้างั้นใช้เป็นว่า วิเคราะห์ น่าจะเหมาะสมที่สุดล่ะ ต้องขอบอกก่อนว่า ไม่ได้ตามดูซีรี่ส์จากทางฝั่งญี่ปุ่นมานานมากประมาณเกือบ 3 ปีได้ หลังจากซีรี่ส์ “Ando Lloyd - A.I. Knows Love ?” แล้วช่วงนี้ประจวบเหมาะกับไม่มีอะไรดู (เหรอ ? ) เลยลองมานั่งหาซีรี่ส์จากทางญี่ปุ่นดูบ้าง เปลี่ยนแนวจากที่ปกติเดิมจะดูแต่ซีรี่ส์ภาพยนตร์จากทางอเมริกาซะส่วนใหญ่ และ Okitegami Kyoko no Biboroku. เพื่อนก็แนะนำมาตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วก่อนซีรี่ส์จะจบด้วยซ้ำ (ตอนนั้น ฉายไป 8 ตอน ซีรี่ส์มีทั้งหมด 10 ตอน) เขาดูกันไปจะเกือบปีล่ะ ตัวเองพึ่งจะมานั่งดู หยิบขึ้นมาดูเท่านั้นแหละ กลายเป็นติดใจจนเลิกดูไม่ได้ นั่งดูอยู่บนห้องมันทั้งวันนี่แหละครับ ฮา

Review : Kung Fu Panda 3

Review : Kung Fu Panda 3 Score : 8/10 "ดูเพลิน สนุก ตลกฮา ปนน่ารักของเหล่าแพนด้า ตอนท้ายซึ้งดี พร้อมออกตามหาตัวตน ว่าเรานั้นเป็นใคร?" เรื่องย่อ : การกลับมาของพ่อแพนด้าของโปที่หายสาบสูญไปเมื่อนานมาแล้ว ทั้งคู่กลับมาร่วมทางกันสู่เมืองลับแลของแพนด้า เพื่อพบกับพวกแพนด้าตัวตลกหน้าใหม่ แต่เมื่อจอมวายร้ายผู้อยู่เหนือธรรมชาติอย่าง ไค เริ่มกวาดล้างประเทศจีนด้วยการเอาชนะจ้าวแห่งกังฟูทั้งหมด โพต้องทำสิ่งเหลือเชื่ออย่างการศึกษาวิธีการฝึกฝนเหล่าพี่น้องจอมเซ่อที่น่ารักของเขา เพื่อให้กลายเป็นเหล่าสุดยอดกังฟูแพนด้า!