ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Review : Fifty Shades Darker

Review : Fifty Shades Darker [14/2017]
Score : 8/10 Entertain 6.5/10 All

"ชอบมากกว่าภาคแรก เนื้อเรื่องกระชับขึ้น ตัวละครทั้ง 2 เติบโตขึ้นมาก
เตรียมพร้อมสู่บทสรุปที่รอดูไม่ไหวแล้ว"


ด้านเนื้อเรื่องต่อจากภาคแรกกันในแบบแทบจะทันทีเลยก็ว่าได้ แล้วก็ยังเล่ากระชับมากขึ้นกว่าภาคแรกเยอะ โดยภาคนี้จะเล่าถึงความสัมพันธ์ของ Anastasia และ Christian ที่เปลี่ยนไปจากภาคแรก ไม่มีกฎ ไม่มีความลับ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ มาพร้อมกับอดีตของ Christian ที่ตามมาทำลายชีวิตเช่นเดียวกัน

เนื้อเรื่อง Dark ขึ้นกว่าภาคแรกตามชื่อหนังไหม? ต้องบอกว่า นิดนึงครับ ไม่มาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเนื้อเรื่องที่เดินไปเร็วขึ้นจากภาคแรกด้วย เลยทำให้การบิ๊วท์อารมณ์ในหลายๆ ฉาก ดูไม่มีอะไร ผ่านมาก็ผ่านไป แบบว่า เฮ้ย! พี่จะไวไปไหม? แต่ก็ไม่ได้เสียอรรถรสอะไรมากขนาดนั้น

หนังดูจะดึงส่วนเด่นๆ จากหนังสือมาเล่าเรื่องด้วยเช่นเดียวกัน หนังสือจำนวนหน้าไม่มีลิมิตขึ้นอยู่กับคนเขียน แต่กับหนังมันคนล่ะเรื่องเลย พอลงมาอยู่บนจอและต้องเล่าเรื่องให้ทันใน 2 ชั่วโมง ก็เลยดูรีบไปพอตัว ดีกว่าภาคแรกเยอะ ไม่ยืดจนเกินไป แต่ก็กระชับแบบสุดๆ เลยเช่นกัน

แม้เนื้อเรื่องจะกระชับ แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ การเติบโตของตัวละครหลักทั้ง 2 ที่มากขึ้น แต่หลักๆ จะอยู่ที่ Christian ซะเยอะ ถ้าภาคแรกคือการเติบโตของ Anastasia ภาคนี้ก็คือการเติบโตของ Christian นี่แหละ จากปมปัญหาในชีวิตของพระเอกที่ถูกเล่าในภาคแรกก็ยังส่งผลต่อในภาคนี้ และ Anastasia ก็เข้ามาช่วยแก้ปมตรงนั้น พร้อมกับสอนวิธีการมีปฎิสัมพันธ์ เหมือนกับภาคแรกที่พระเอกสอนนางเอกมี Sex (อ่านดูแล้วรู้สึกแปลกๆ เนอะ ฮา) จะเห็นการเปลี่ยนแปลงไปเล็กๆ น้อยๆ อาจจะไม่มาก แต่สามารถสัมผัสได้แน่นอน

อดีตของ Christian จะปรากฎให้เห็นในภาคนี้มากขึ้น อาจจะไม่เยอะ แต่พอที่จะเป็นชนวนที่จะนำไปสู่บทสรุปที่เต็มไปด้วยการแก้แค้น ซึ่งอยากที่จะรอดูภาคต่อไม่ไหวแล้ว จบแบบทิ้งให้รอดูต่อ พร้อมกับมีตัวอย่างสั้นๆ ของ "Fifty Shades Freed" เรียกน้ำย่อยในช่วง Mid-Credit ด้วย ตายๆๆ

"ความสัมพันธ์ที่ดี คือการเปิดใจที่จะพูดคุยกัน เพื่อที่จะหาจุดกึ่งกลางที่ทั้งสองคนจะสามารถยอมรับกันได้" สิ่งที่หนังในภาคนี้ต้องการจะสื่อ เพราะหลังจากที่ภาคแรก Christian อยู่แต่ในกรอบของตัวเองมาตลอด พอมาภาคนี้ที่เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงตัวเอง เปิดรับมากขึ้น พูดคุยมากขึ้น ก็ส่งผลให้ชีวิตรักดีขึ้นมาด้วย

ขอย้อนกลับมาบ่นต่อสักนิด ตัวละครใหม่ที่เพิ่มมาในภาคนี้ ซึ่งมีปรากฎให้เห็นในตัวอย่าง ต้องบอกเลยว่า พวกพี่เป็นใครบ้างนะ? จำไม่ได้เลย โผล่มาแป๊บนึง หายไปล่ะจ้า การ์ดวาร์ปนี่เปิดอย่างไว มาแค่ให้รู้ว่ามีบทบาทในภาคนี้และภาคหน้า แค่นั้น เป็นการใช้ตัวละครได้อย่างคุ้มมากเลยจริงๆ จ้าง 300 เล่นสัก 10 บาท

ฉาก Sex มีเยอะขึ้นไหม? เยอะขึ้นครับ ประมาณสัก 15 นาที มีทีอะไรประมาณนั้น มีมาแทบจะทั้งเรื่อง แล้วก็ดู Real ขึ้นด้วย จริงๆ นะ ภาคแรกดูแล้วรู้ว่าการแสดง แต่ภาคนี้ก็แสดงกันเหมือนเเดิมนั่นแหละครับ แค่ดูแล้วหนักหน่วงขึ้น ดูมีอารมณ์จริงๆ มากขึ้น

เพลงในเรื่องก็เพราะดี แต่ถามว่าติดหูไหม? ไม่เลยครับ ภาคแรก "Love Me Like You Do" ติดหูที่สุดล่ะ ทั้งที่เป็นเพลงรองแท้ๆ ส่วนภาคนี้เพลง "I Don’t Wanna Live Forever" ของ "ZAYN, Taylor Swift" บอกตามตรงเลยว่า ฟังปกติแรกๆ ไม่ติดหูเลย พอไปเรื่อยๆ เริ่มโอเค ถ้าไม่ได้ฟังมาก่อนดูหนัง ก็ตามที่บอกไปแต่ต้นเลยครับ เพลงภาคนี้ไม่ติดหูเลยแม่แต่น้อย

การแสดงภาคแรกที่ว่าพังสำหรับ "Dakota Johnson" ภาคนี้ก็คงยังพังอยู่ ได้ไม่ได้แบบอะไรขนาดนั้น หลายๆ ฉากดูแล้วมีความเป็นมนุษย์มากขึ้น ไม่ได้แข็งทื่อแบบภาคแรกไปซะทั้งหมด ส่วน "Jamie Dornan" ลักษณะของคนที่สูญเสียคนรักและต้องการตามง้อนี่มาเต็มมาก ยอมที่จะเปลี่ยนเพื่อให้คนที่ตัวเองรัก หันกลับมาหาอีกครั้งนึง

ในภาพรวม ถ้ามองหนังก็พอจะมีปัญหาในหลายๆ จุด ชื่อหนังบอก "Darker" แต่จริงๆ แทบจะไม่ค่อย Dark อะไรมากเลย แต่ถ้ามองในด้านความบันเทิงถือว่าตอบโจทย์เลยครับ ดูเพลินมาก เพราะเนื้อเรื่องที่กระชับและไม่ยืดเยื้อเท่ากับภาคแรก ใครที่รอชมภาคต่อก็สามารถเข้าไปรับชมได้แล้ว วันนี้ ในโรงภาพยนตร์ครับ

Review By : T.J. @ T.J. MOVIE REVIEW

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างแรกและนักแสดงทั้งหมดในภาพยนตร์ Saiki Kusuo no Sainan ฉบับ Live Action

หลังจากประกาศสร้างมาตั้งปี 2015 ก็ได้มีการปล่อยตัวอย่างแรกพร้อมเหล่านักแสดงออกมาทั้งหมดแล้ว ตัวอย่างภาพยนตร์ - https://www.youtube.com/watch?v=4tCACKYolrs&t=0s และมีนักแสดงดังต่อไปนี้

掟上今日子の備忘録。(Okitegami Kyoko no Biboroku) สมุดบันทึกความทรงจำของ โอคิเตะงามิ เคียวโกะ

            ก่อนจะเริ่มต้นวิจารณ์หรือวิเคราะห์ดีล่ะ เลือกไม่ถูก ถ้างั้นใช้เป็นว่า วิเคราะห์ น่าจะเหมาะสมที่สุดล่ะ ต้องขอบอกก่อนว่า ไม่ได้ตามดูซีรี่ส์จากทางฝั่งญี่ปุ่นมานานมากประมาณเกือบ 3 ปีได้ หลังจากซีรี่ส์ “Ando Lloyd - A.I. Knows Love ?” แล้วช่วงนี้ประจวบเหมาะกับไม่มีอะไรดู (เหรอ ? ) เลยลองมานั่งหาซีรี่ส์จากทางญี่ปุ่นดูบ้าง เปลี่ยนแนวจากที่ปกติเดิมจะดูแต่ซีรี่ส์ภาพยนตร์จากทางอเมริกาซะส่วนใหญ่ และ Okitegami Kyoko no Biboroku. เพื่อนก็แนะนำมาตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วก่อนซีรี่ส์จะจบด้วยซ้ำ (ตอนนั้น ฉายไป 8 ตอน ซีรี่ส์มีทั้งหมด 10 ตอน) เขาดูกันไปจะเกือบปีล่ะ ตัวเองพึ่งจะมานั่งดู หยิบขึ้นมาดูเท่านั้นแหละ กลายเป็นติดใจจนเลิกดูไม่ได้ นั่งดูอยู่บนห้องมันทั้งวันนี่แหละครับ ฮา

Review : Kung Fu Panda 3

Review : Kung Fu Panda 3 Score : 8/10 "ดูเพลิน สนุก ตลกฮา ปนน่ารักของเหล่าแพนด้า ตอนท้ายซึ้งดี พร้อมออกตามหาตัวตน ว่าเรานั้นเป็นใคร?" เรื่องย่อ : การกลับมาของพ่อแพนด้าของโปที่หายสาบสูญไปเมื่อนานมาแล้ว ทั้งคู่กลับมาร่วมทางกันสู่เมืองลับแลของแพนด้า เพื่อพบกับพวกแพนด้าตัวตลกหน้าใหม่ แต่เมื่อจอมวายร้ายผู้อยู่เหนือธรรมชาติอย่าง ไค เริ่มกวาดล้างประเทศจีนด้วยการเอาชนะจ้าวแห่งกังฟูทั้งหมด โพต้องทำสิ่งเหลือเชื่ออย่างการศึกษาวิธีการฝึกฝนเหล่าพี่น้องจอมเซ่อที่น่ารักของเขา เพื่อให้กลายเป็นเหล่าสุดยอดกังฟูแพนด้า!