ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Review : In This Corner Of The World

Review : In This Corner Of The World [19/2017]
Score : 9.5/10

"งานภาพสวยงามชวนฝันในสไตล์ดั้งเดิม มาพร้อมกับบทที่ดีงาม
ที่แฝงแง่คิดดีๆในการดำเนินชีวิตได้อย่างยอดเยี่ยม
สามารถแสดงอีกแง่มุมของชีวิตผู้คนในช่วงสงครามได้อย่างชัดเจน"


ภาพยนตร์อนิเมชั่นน้ำดีที่คว้ารางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเทศกาล 38th Yokohama Film Festival และได้รับรางวัลภาพยนตร์แห่งสันติภาพใน Hiroshima International Film Festival ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ได้รับการสร้างมาจากมังงะ To All The Corner Of The World โดยได้ค่าย M Pictures ซื้อลิขสิทธิ์มาให้ได้รับชมกันในไทย โดยมีการฉายเปิดตัวไปแล้วในงาน The Japenese Film Festival เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาที่เซ็นทรัลเวิลด์

ผมบอกตามตรงว่านี้ถือเป็นประสบการณ์ใหม่สำหรับผมเลยก็ว่าได้ เพราะผมไม่ค่อยได้เห็นหนังที่เล่นเรื่องราวเกี่ยวกับผู้คนที่ใช้ชีวิตอยู่ในช่วงสงครามสักเท่าไหร่ ผมว่าหนังเรื่องนี้ถือว่ามีไอเดียที่แปลกดีที่หยิบจับเรื่องราวแบบนี้มาทำเป็นหนัง

หนังเล่าเรื่องราวของ ซึสึ หญิงสาวอายุ 18 ปี ที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่เมืองฮิโรชิม่า และมีงานอดิเรกคือการวาดภาพ แต่ต้องถูกบังคับแต่งงานและย้ายไปเมืองคุเระที่อยู่ใกล้ๆ ซึ่งเป็นช่วงเดียวกันกับที่สงครามโลกครั้งที่ 2 (ค.ศ.1945) กำลังปะทุขึ้น จึงต้องทำให้เธอสรรหาวิธีต่างๆในการใช้ชีวิตให้อยู่รอดในช่วงสงครามไปพร้อมๆกับครอบครัวที่เธอต้องแต่งงานและมาอยู่ด้วยกัน ที่ต้องเตรียมพร้อมจะเผชิญปัญหานี้และผ่านพ้นมันไปด้วยกัน

สิ่งแรกที่ต้องพูดเกี่ยวกับอนิเมชั่นเรื่องนี้เลยคือ งานภาพชวนฝันที่ใช้สไตล์อนิเมชั่นในรูปแบบการวาดแบบดั้งเดิมและเคารพต้นฉบับของมังงะเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าช่วงแรกๆจะรู้สึกว่าสัดส่วนภาพของตัวละครจะดูไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่นัก แต่สักพักภาพก็จะเริ่มเข้าที่และสวยงามชวนฝันมากๆ

ในส่วนของบทบอกได้เลยว่าสุดยอดมาก ที่สามารถทำตัวละครที่อาจจะมีฟีลเตอร์ของความไม่จริง ทำให้ตัวละครดูเป็นจริงได้ เพราะตัวบททำให้ตัวละครมีมิติ มีความเป็นมนุษย์และมีความรู้สึกนึกคิด ซึ่งทำให้เราเข้าใจดีในสิ่งที่ตัวละครเลือกทำ และทำให้ตัวละครดูดีมีเสน่ห์มากขึ้นไปอีกในแง่มุมของความรักที่ทำให้เรารู้สึกได้ถึงความอบอุ่นและความรักที่ตัวละครพร้อมจะมอบมันให้แก่กัน จนเราสามารถสัมผัสมันได้อย่างชัดเจน

ตัวหนังเลือกที่จะเล่าเรื่องราวของ ซึสึ ตั้งแต่เด็กจนถึงวัยที่ต้องแต่งงานในอายุ 18 ปี เป็นการปูตัวละครได้ดี และจะได้เห็นมิติของตัวละครที่ชัดเจนขึ้นเมื่อเข้าสู่ช่วงหลังจากแต่งงานแล้ว ซึ่งจุดนี้ต้องชื่นชมจริงๆ

นอกจากบทจะทำให้ตัวละครดูมีมิติแล้ว ยังสามารถสร้างแรงกระแทกให้กับคนดูได้ พร้อมทั้งบอกเล่าแง่มุมดีๆที่เราจะสามารถนำมาใช้สอนใจและดำเนินชีวิตต่อไป เพราะสิ่งที่เราจะได้เห็นไม่ได้มีแต่ความ Feel Good เพียงอย่างเดียว แต่จะยังมีความโศกเศร้าจากความสูญเสียที่พวกเขาจะได้รับจากภัยของสงคราม แต่พวกเขาก็ยังมีวิธีในการรับมือกับมันและก้าวข้ามผ่านมันไปได้ และสิ่งเหล่านี้จะเป็นคำตอบให้กับพวกเราคนดูที่จะสามารถก้าวข้ามผ่านอุปสรรคต่างๆไปได้ โดยมีสิ่งเหล่านี้เป็นแรงบันดาลใจ

แต่ตัวหนังเองก็ยังคงมีความ Feel Good อยู่สูง เพราะฉะนั้นจะขาดความสนุกสนานไปไม่ได้เลย บอกได้เลยว่าหนังเรื่องนี้สามารถสอดแทรกมุขตลกตามสถานการณ์ได้ดีมาก ช่วงแรกๆจะมาแค่ตลกพอขำ แต่สักพักจะมีมุขตลกที่ทำให้เราฮาออกมาได้อย่างเต็มที่กันเลยทีเดียว

อย่างต่อมาที่ต้องพูดถึงเลยคือ เพลงประกอบที่สามารถทำได้ดี เข้ากับสถานการณ์และโทนของหนังในช่วงนั้นๆได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงเสียงประกอบที่สมจริงและไม่เว่อร์วังจนเกินไป

โดยรวมแล้วหนังเรื่องนี้เป็นหนังสร้างแรงบันดาลใจดีๆเรื่องนึงที่ตัวผมเองแนะนำว่าอยากให้ได้ดูกันครับ เพราะผมบอกได้เลยว่า คุณจะได้เห็นแง่มุมแปลกใหม่จากสงครามที่คุณจะไม่เคยเห็นจากหนังเรื่องไหนๆมาก่อน ที่จะทำให้คุณได้เห็นแง่มุมของความเป็นมนุษย์ในช่วงสงครามที่หาได้ยากจริงๆ และทุกคนที่เข้าไปดูจะได้รับแรงบันดาลใจที่จะทำให้คุณเปลี่ยนความคิดไปบ้างไม่มากก็น้อย เพื่อทำให้โลกของเราน่าอยู่มากขึ้น และถ้าคุณเป็นคนที่รักเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์อยู่แล้ว คุณจะรักหนังเรื่องนี้ พร้อมกับลุ้นและอินหนักมากไปด้วยในเวลาเดียวกัน

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ M Pictures สำหรับการนำเข้าหนังดีๆเรื่องนี้ และตั๋วหนังที่ทำให้ผมได้นั่งข้างๆสาวน่ารักๆด้วยนะครับ อิอิ (ไม่ใช่ล่ะ)

ปล. มีจุดที่ Subtitle แปลผิดในช่วงแรกด้วยนะครับ จากปี 1935 เป็นปี 1995 ใครที่ได้ไปดูแล้วมีความเปลี่ยนแปลงยังไงก็บอกมาได้นะครับ เพราะรอบที่ผมไปดูมีปัญหานี้ จนทำให้ผมงงว่านี้มันช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่ใช่เหรอ หรือว่าตูมาดูผิดเรื่องฟะ 555 แต่มีแค่อันนั้นแหละครับที่มีปัญหา แต่อันอื่นปกติดีครับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

掟上今日子の備忘録。(Okitegami Kyoko no Biboroku) สมุดบันทึกความทรงจำของ โอคิเตะงามิ เคียวโกะ

            ก่อนจะเริ่มต้นวิจารณ์หรือวิเคราะห์ดีล่ะ เลือกไม่ถูก ถ้างั้นใช้เป็นว่า วิเคราะห์ น่าจะเหมาะสมที่สุดล่ะ ต้องขอบอกก่อนว่า ไม่ได้ตามดูซีรี่ส์จากทางฝั่งญี่ปุ่นมานานมากประมาณเกือบ 3 ปีได้ หลังจากซีรี่ส์ “Ando Lloyd - A.I. Knows Love ?” แล้วช่วงนี้ประจวบเหมาะกับไม่มีอะไรดู (เหรอ ? ) เลยลองมานั่งหาซีรี่ส์จากทางญี่ปุ่นดูบ้าง เปลี่ยนแนวจากที่ปกติเดิมจะดูแต่ซีรี่ส์ภาพยนตร์จากทางอเมริกาซะส่วนใหญ่ และ Okitegami Kyoko no Biboroku. เพื่อนก็แนะนำมาตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วก่อนซีรี่ส์จะจบด้วยซ้ำ (ตอนนั้น ฉายไป 8 ตอน ซีรี่ส์มีทั้งหมด 10 ตอน) เขาดูกันไปจะเกือบปีล่ะ ตัวเองพึ่งจะมานั่งดู หยิบขึ้นมาดูเท่านั้นแหละ กลายเป็นติดใจจนเลิกดูไม่ได้ นั่งดูอยู่บนห้องมันทั้งวันนี่แหละครับ ฮา

Review : Detective Conan EPISODE “ONE”

Review : Detective Conan EPISODE “ONE” Score : 8.5/10 "เสริมเนื้อเรื่องได้ดี ดูเพลิน สนุกมาก ตัวละครมากันพร้อมหน้า ใครที่เป็นแฟนโคนันฟินแน่..." “ยอดนักสืบจิ๋ว โคนัน EPISODE “ONE” กำเนิดยอดนักสืบจิ๋ว” เป็นอนิเมะตอนพิเศษที่นำเอาตอนที่ 1 ของโคนัน มาขยายเรื่องราวเพิ่มขึ้น ว่าตัวละครแต่ล่ะตัว ทำอะไรอยู่ที่ไหนอย่างไรบ้าง และมีเนื้อเรื่องบางส่วนที่ขยายเรื่องราวนอกจากตอนที่ 1 มาด้วย ซึ่งฉายไปเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม ที่ผ่านมาในประเทศญี่ปุ่น และบ้านเราก็ได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์วันที่ 22 ธันวาคม ครับ แต่ก่อนหน้านั้น ก็สามารถชมได้ทาง iFlix ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม ถือว่า ฉายห่างจากญี่ปุ่นแค่ประมาณ 1-2 อาทิตย์เอง

รวมข่าวทั้งหมดของ "Supergirl Season 2" และสิ้นปีนี้เตรียมพบ Big Event ของ DC Super Heroes ในช่อง The CW

หลังจากช่วงกลางเดือนที่ผ่านมาได้มีการ  ยืนยัน! "Supergirl" ย้ายจากช่อง CBS ไป CW พร้อมทีมนักแสดงกลับมาครบชุด  ก็ได้มีข้อมูลใหม่เพิ่มเติมออกมา พร้อม Teaser อย่างเป็นทางการ ว่าสิ้นปีนี้เตรียมพบกับการเปลี่ยนแปลงของ "Supergirl" โดยการย้ายมาฉายในช่อง The CW นั่นเอง