ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Review : SNOWDEN

Review : SNOWDEN
Score : 8.5/10

"ความปลอดภัยของทุกคนทั่วโลกแลกกับความมั่นคงของประเทศ เผยเบื้องลึกยิ่งกว่าที่ได้รู้, Joseph Gordon-Levitt เปลี่ยนโฉมเป็น Snowden อย่างสมบูรณ์แบบ"


เรื่องย่อ : "Edward Joseph Snowden" หนุ่มอัจฉริยะวัย 29 ปี ที่หาญกล้าสั่นประสาทมหาอำนาจของโลกอย่างสหรัฐอเมริกาจนทำให้เขาถูกตามล่าตัวเพื่อมารับผิดที่นำความลับของโครงการใหญ่ของสำนักงานมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ (NSA) ออกมาเผยแพร่ให้ทั่วโลกประจักษ์ถึงการคุกคามสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชนที่รัฐบkลสหรัฐใช้เทคโนโลยีเข้าไปสอดแนมชีวิตของประชาชนทุกคน

เมื่อช่วงปี 2013 ได้เกิดเหตุการณ์ที่พลิกพันการดำเนินชีวิตของผู้คนทั่วโลก ด้วยการเปิดเผยข้อมูลลับว่า "NSA ได้สอดแนมทุกคนบนโลก" โดยผู้ที่เปิดเผยความลับนี้ก็คือ "Edward Joseph Snowden" อดีตเจ้าหน้าที่ของ NSA & CIA ซึ่งก่อให้เกิดคำถามตามมาว่า "โซเชี่ยลมีเดียที่เราใช้อยู่กันทุกวันปลอดภัยจริงหรือไม่? ในเมื่อเราถูกสอดส่องอยู่ตลอดเวลา..."

สำหรับเนื้อเรื่อง ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นกึ่งสารคดีนิดนึง เรื่องราวจะเล่าถึงชีวิตทั้งส่วนตัวและการทำงานของ Snowden ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น อะไรคือแรงผลักดันที่ทำให้เขาถึงตัดสินใจเช่นนั้น และเขาเป็นวีรบุรุษหรือวายร้าย เป็นสิ่งที่เราจะต้องตัดสินใจเอง ตามเจตจำนงที่ Snowden ได้ให้เราเป็นคนเลือก ซึ่งหนังเรื่องนี้ได้เอาเจตจำนงตรงนั้นมาให้เราเป็นคนตัดสินเองในหนังด้วย

ตัวหนังจะใช้เทคนิคการเล่าเรื่องแบบตัดสลับเหตุการณ์ในปี 2013 ที่ Snowden ได้นัดพบกับ Laura, Glenn & Ewan ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในฮ่องกง เพื่อต้องการที่จะเปิดเผยข้อมูลลับออกมา กับเหตุการณ์ในอดีตของเขา ช่วงปี 2004 ที่เริ่มทำงานกับ CIA เป็นต้นมา

จากในเรื่องและข้อมูลต่างๆ ที่เราได้รู้มา พอมาดูเรื่องนี้ก็จะได้รู้รายละเอียดเพิ่มขึ้นอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น คนที่เคยคิดทำแบบ Snowden มีมาแล้ว แต่ก็ต้องหยุดทำไป เพราะถูกบีบเอาไว้ไม่ให้พูด รวมไปถึงโปรแกรมต่างๆ ของทั้ง NSA & CIA ซึ่งเป็นความลับภายในที่ถูกปิดบังมาโดยตลอดด้วย

นอกจากนั้นก็ยังเป็นกระจกสะท้อนคำพูดที่เสียดสีอเมริกันด้วยกับการยืนยันว่า ไม่ได้มีการสอดแนมหรือแทรกแซงดูข้อมูลของประชาชนแต่อย่างใด

ส่วนตัวไม่ได้ดูสารคดี "Citizenfour" ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ทางโน้นเล่าเรื่องและเปิดโปงความจริงอะไรกันไปบ้าง แต่จากที่เคยได้ยินมา ก็เปิดโปงยับกันไม่น้อยเลยทีเดียว

ในด้านนักแสดง "Joseph Gordon-Levitt" ก็ถือว่าแสดงออกมาได้เยี่ยม น้ำเสียง, รูปแบบการพูด, ลักษณะท่าทางต่างๆ เปลี่ยนไปเป็นคนล่ะคนเลย และยังสามารถแบกหนังทั้งเรื่องเอาไว้ได้อย่างอยู่หมัดเลยครับ

สุดท้ายนี้ก็อยากแนะนำให้ไปรับชมกัน เพราะถือว่าเป็นเรื่องใกล้ตัวเราที่ไม่ควรมองข้ามเลยก็ว่าได้ กับโซเชี่ยลมีเดียที่เราใช้กันอยู่ทุกวัน ที่เราว่าปลอดภัยแน่นอน แต่ความจริงแล้วกลับไม่เป็นเช่นนั้น และในตอนจบของเรื่องโคตรพีคเลยจริงๆ ต้องไปดูเองว่า มันพีคยังไงครับ

Review By : T.J. @ T.J. MOVIE REVIEW

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างแรกและนักแสดงทั้งหมดในภาพยนตร์ Saiki Kusuo no Sainan ฉบับ Live Action

หลังจากประกาศสร้างมาตั้งปี 2015 ก็ได้มีการปล่อยตัวอย่างแรกพร้อมเหล่านักแสดงออกมาทั้งหมดแล้ว ตัวอย่างภาพยนตร์ - https://www.youtube.com/watch?v=4tCACKYolrs&t=0s และมีนักแสดงดังต่อไปนี้

"โกไคเจอร์" กลับมาครบทีม ร่วมฉลองซูเปอร์เซนไตซีรี่ส์ครบ 2,000 ตอน

นับตั้งแต่  "ขบวนการ ห้าจอมพิฆาต โกเรนเจอร์"  ได้ออกฉายตั้งแต่วันที่  4 เมษายน 1975  มาจนถึงขบวนการล่าสุด  "ขบวนการ ราชันย์สรรพสัตว์ จูโอเจอร์"  ซึ่งในวันที่  11 กันยายน  ก็จะฉายครบ  2,000 ตอน พอดี ในตอนที่  28-29   (ฉายวันที่ 4 และ 11 ก.ย.)  จึงได้มีตอนพิเศษขึ้นฉลอง โดยตอนพิเศษทั้ง  2  ตอน จะได้นักแสดงจาก  "ขบวนการ โจรสลัด โกไคเจอร์"  กลับมาแบบครบทีม ในรอบ  3 ปีครึ่ง  หลังจากภาพยนตร์  "ขบวนการ จารชน โกบัสเตอร์ ปะทะ ขบวนการ โจรสลัด โกไคเจอร์ เดอะมูฟวี่"

掟上今日子の備忘録。(Okitegami Kyoko no Biboroku) สมุดบันทึกความทรงจำของ โอคิเตะงามิ เคียวโกะ

            ก่อนจะเริ่มต้นวิจารณ์หรือวิเคราะห์ดีล่ะ เลือกไม่ถูก ถ้างั้นใช้เป็นว่า วิเคราะห์ น่าจะเหมาะสมที่สุดล่ะ ต้องขอบอกก่อนว่า ไม่ได้ตามดูซีรี่ส์จากทางฝั่งญี่ปุ่นมานานมากประมาณเกือบ 3 ปีได้ หลังจากซีรี่ส์ “Ando Lloyd - A.I. Knows Love ?” แล้วช่วงนี้ประจวบเหมาะกับไม่มีอะไรดู (เหรอ ? ) เลยลองมานั่งหาซีรี่ส์จากทางญี่ปุ่นดูบ้าง เปลี่ยนแนวจากที่ปกติเดิมจะดูแต่ซีรี่ส์ภาพยนตร์จากทางอเมริกาซะส่วนใหญ่ และ Okitegami Kyoko no Biboroku. เพื่อนก็แนะนำมาตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วก่อนซีรี่ส์จะจบด้วยซ้ำ (ตอนนั้น ฉายไป 8 ตอน ซีรี่ส์มีทั้งหมด 10 ตอน) เขาดูกันไปจะเกือบปีล่ะ ตัวเองพึ่งจะมานั่งดู หยิบขึ้นมาดูเท่านั้นแหละ กลายเป็นติดใจจนเลิกดูไม่ได้ นั่งดูอยู่บนห้องมันทั้งวันนี่แหละครับ ฮา