ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Review : Miss Peregrine's Home For Peculiar Children

Review : Miss Peregrine's Home For Peculiar Children
Score : 8.5/10

"ดีที่สุดในหนังของเบอร์ตัน บันเทิงกว่าที่คาดไว้ ความเป็นเบอร์ตันมาแบบจัดเต็ม"


เรื่องย่อ : เมื่อเจคค้นพบเงื่อนงำสู่ความลับที่เกี่ยวข้องกับความเป็นจริงและช่วงเวลาคู่ขนาน เขาจึงได้ไปเจอที่ซ่อนลับซึ่งมีชื่อว่าบ้านเด็กประหลาดของมิสเพริกริน หลังจากเจคได้รู้เรื่องราวของเหล่าผู้อยู่อาศัยภายในบ้านและพลังพิเศษของพวกเขา เจคจึงได้ตระหนักว่าความปลอดภัยเป็นเพียงสิ่งลวงตา และอันตรายซุ่มซ่อนอยู่ในรูปของศัตรูผู้ทรงพลัง เจคจึงต้องหาคำตอบว่าความเป็นจริงคืออะไร ใครที่เชื่อใจได้ และแท้จริงแล้วตัวเขาเองนั้นเป็นใคร

- ตอนแรกที่คิดอยากจะดูเรื่องนี้ก็เพราะ "Eva Green" นี่แหละ ติดใจมาตั้งแต่ "Casino Royale" แล้ว ไม่ได้สนใจเนื้อเรื่องเลย แต่พอได้มาดูจริงๆ จังๆ กลับชอบกว่าที่คิดเอาไว้ซะอีก

ด้านเนื้อเรื่องจะพูดถึงกลุ่มพวกฮอลโล่ว์ที่ต้องการมีชีวิตที่เป็นอมตะ จึงได้ออกตามล่าเด็กที่มีพลังพิเศษ ซึ่งเจคเด็กหนุ่มที่ได้เข้ามาพัวพัน ก็ต้องมาตามหาความจริงที่ซ้อนเร้นเอาไว้ ในบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าของมิสเพริกกริน

ถือว่า เรื่องราวปูทางมาได้ดีมากพอตัว ดูแล้วกระชับขึ้นมานิดนึง เล่าเพลินมาก แล้วก็ไม่น่าเบื่อเหมือนหนัง "Tim Burton" เรื่องอื่นๆ เลย ที่พอเข้าช่วงปูเนื้อเรื่องจะน่าเบื่อและอืดมาก แต่สำหรับเรื่องนี้ แอบมีข้อเสียนิดเดียว (นิดเดียวจริงๆ) กว่าจะเข้าเรื่องหลักก็โยนทิ้งไว้นานเหมือนกัน จนเกือบจะลืม เพราะย้ายไปเล่าถึงตัวละครภายในบ้านเพริกกรินนี่แหละ แต่ก็ยังถือว่ามาแก้ตัวได้ดี ในตอนที่เข้าสู่เนื้อเรื่องหลักจริงๆ ซึ่งก็มีแอบอึ้งไปนิดๆ เหมือนกัน

ตัวละครแต่ล่ะตัวที่ปูเรื่องราวมา ถือว่า ถ่ายทอดออกมาได้ดี เหมือนนั่งดู "X-MEN" ที่บอกว่าใครมีพลังอะไรยังไงในรูปแบบไหนบ้าง ส่วนในด้านของตัวร้านก็เล่าออกมาได้โอเคด้วยเช่นกัน ทั้งที่มา, เป้าหมาย อาจจะดูแล้วไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไรนัก แต่ส่วนตัวก็รู้สึกว่า มันน่ากลัวอยู่ดีนั่นแหละ ไม่รู้ว่ามีปรับอะไรจากหนังสือไปมากน้อยแค่ไหน

นอกจากจะเล่าเรื่องออกมาได้ดีแล้ว หนังก็ยังคงสไตล์ของผู้กำกับ "Tim Burton" เอาไว้เช่นเคย ไม่ว่าจะเป็นสีภาพที่จะออกหม่นๆ นิดนึง ผสมกับสีภาพที่สดคม อย่างกะดูหนังแนว Fantasy รวมไปถึงจังหวะหลอนๆ น่ากลัวๆ ที่ทำเอาสะดุ้งตกใจในบ้างฉาก เรียกได้ว่า มาครบจริงๆ แล้วก็ผสมกับเรื่องนี้ได้ลงตัวด้วย (แม้จะขัดๆ กับ Miss Peregrine ไปหน่อยก็เถอะ)

งาน CG ถือว่าทำออกมาได้ดี เก็บรายละเอียดงานได้โอเคเกือบทุกฉาก สมจริง เว้นแค่ฉากเรือกับตัวฮอลโล่ว์นี่แหละ แต่ก็ถือว่างานคุ้มค่ากับเงินที่ลงทุนไปแล้วครับ ไม่ได้แย่อะไรแต่อย่างใด

ด้านนักแสดงหลายๆ คน ก็ถือว่าเล่นออกมาได้ดีครับ ไม่ว่าจะเป็น "Eva Green" ที่แอบดูจิตๆ (ไม่)นิดนึง แต่ก็รักเด็กทุกคนในบ้าน, "Asa Butterfield", "Ella Purnell" สาวน้อยผู้ควบคุมอากาศ ที่จะน่ารักและซึนไปไหน, "Samuel L. Jackson" ตาลุงนิค ฟิวรี่ ที่มาเป็นผู้ร้ายแนวกวนบาทา แต่ก็หลอนนิดๆ ตอนฉากเปิดตัว

โดยรวมก็ถือว่าเป็นหนังที่ดูเพลินและไม่น่าเบื่อที่สุดในบรรดาหนังของ "Tim Burton" แล้ว และความเป็น Burton ก็ยังมาครบด้วย แนะนำให้ไปรับชมกันเลยครับ

Review By : T.J. @ T.J. MOVIE REVIEW

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างแรกและนักแสดงทั้งหมดในภาพยนตร์ Saiki Kusuo no Sainan ฉบับ Live Action

หลังจากประกาศสร้างมาตั้งปี 2015 ก็ได้มีการปล่อยตัวอย่างแรกพร้อมเหล่านักแสดงออกมาทั้งหมดแล้ว ตัวอย่างภาพยนตร์ - https://www.youtube.com/watch?v=4tCACKYolrs&t=0s และมีนักแสดงดังต่อไปนี้

"โกไคเจอร์" กลับมาครบทีม ร่วมฉลองซูเปอร์เซนไตซีรี่ส์ครบ 2,000 ตอน

นับตั้งแต่  "ขบวนการ ห้าจอมพิฆาต โกเรนเจอร์"  ได้ออกฉายตั้งแต่วันที่  4 เมษายน 1975  มาจนถึงขบวนการล่าสุด  "ขบวนการ ราชันย์สรรพสัตว์ จูโอเจอร์"  ซึ่งในวันที่  11 กันยายน  ก็จะฉายครบ  2,000 ตอน พอดี ในตอนที่  28-29   (ฉายวันที่ 4 และ 11 ก.ย.)  จึงได้มีตอนพิเศษขึ้นฉลอง โดยตอนพิเศษทั้ง  2  ตอน จะได้นักแสดงจาก  "ขบวนการ โจรสลัด โกไคเจอร์"  กลับมาแบบครบทีม ในรอบ  3 ปีครึ่ง  หลังจากภาพยนตร์  "ขบวนการ จารชน โกบัสเตอร์ ปะทะ ขบวนการ โจรสลัด โกไคเจอร์ เดอะมูฟวี่"

掟上今日子の備忘録。(Okitegami Kyoko no Biboroku) สมุดบันทึกความทรงจำของ โอคิเตะงามิ เคียวโกะ

            ก่อนจะเริ่มต้นวิจารณ์หรือวิเคราะห์ดีล่ะ เลือกไม่ถูก ถ้างั้นใช้เป็นว่า วิเคราะห์ น่าจะเหมาะสมที่สุดล่ะ ต้องขอบอกก่อนว่า ไม่ได้ตามดูซีรี่ส์จากทางฝั่งญี่ปุ่นมานานมากประมาณเกือบ 3 ปีได้ หลังจากซีรี่ส์ “Ando Lloyd - A.I. Knows Love ?” แล้วช่วงนี้ประจวบเหมาะกับไม่มีอะไรดู (เหรอ ? ) เลยลองมานั่งหาซีรี่ส์จากทางญี่ปุ่นดูบ้าง เปลี่ยนแนวจากที่ปกติเดิมจะดูแต่ซีรี่ส์ภาพยนตร์จากทางอเมริกาซะส่วนใหญ่ และ Okitegami Kyoko no Biboroku. เพื่อนก็แนะนำมาตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วก่อนซีรี่ส์จะจบด้วยซ้ำ (ตอนนั้น ฉายไป 8 ตอน ซีรี่ส์มีทั้งหมด 10 ตอน) เขาดูกันไปจะเกือบปีล่ะ ตัวเองพึ่งจะมานั่งดู หยิบขึ้นมาดูเท่านั้นแหละ กลายเป็นติดใจจนเลิกดูไม่ได้ นั่งดูอยู่บนห้องมันทั้งวันนี่แหละครับ ฮา