ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Review : Death Note - Light up The New World

Review : Death Note - Light up The New World
Score : 8.25/10

"เฉือนคมกันอย่างเดือด หักมุมกันเป็นว่าเล่น ลูกเล่นภาคก่อนๆ มาเต็ม
ไม่ต้องดู 2 ภาคแรกก็เข้าใจได้"


เรื่องย่อ : “มีเพียง Death Note 6 เล่ม เท่านั้น ที่จะสามารถใช้ได้ในโลกมนุษย์” หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดใน “Death Note : The Last Name” 10 ปี ต่อมา ปี 2016 ในโลกที่เต็มไปด้วยข้อมูลต่างๆ มากมาย และเกิดอาชญากรรมไซเบอร์ไปทั่วโลกนับครั้งไม่ถ้วน ทำให้ผู้สืบทอดของ “ยางามิ ไลท์ และ แอล” ปรากฎตัวขึ้น แต่ทว่า วิธีการสืบทอดตำนานนั้นยังคงถูกปิดบังเป็นความลับอยู่ การต่อสู้ระหว่างผู้ถือครอง Death Note คนใหม่ ที่มีเวทีโลกเป็นเดิมพัน กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว!!!


ส่วนตัวไม่ได้ดูไตรภาคแรกมาก่อน (เอาจริงๆ จะเรียกว่าไตรภาคก็ไม่เชิง เพราะ "L : Change The World" เป็นภาคเสริมซะมากกว่า) ก็ขอไม่นำไปเปรียบเทียบก็แล้วกันนะครับ

- ด้านเนื้อเรื่อง ถือว่า ดวลกันเดือดมาก เฉือนคมความคิด แผนซ้อนแผนกันตามสไตล์ของ "Death Note" จริงๆ หักมุมกันแล้วหักมุมกันอีก บางส่วนพอเดาถูกว่าน่าจะเป็นแบบนี้ แต่ถ้าเอาจริงๆ เลย เดาถูกไม่ถึง 5% แล้วก็ยังมีนำลูกเล่นบางส่วนในมังงะมาใช้ในภาคนี้อีกเช่นกัน ถือว่า เป็นการเขียนเนื้อเรื่องใหม่ ที่ยังคงดึงลายเส้นเดิมกลับมาใช้ได้ครบถ้วนเลยทีเดียว

- แอบเสียดายเรื่องอาชญากรรมไซเบอร์อย่างแรง เพราะโปรโมทมาเต็มที่ในส่วนของเรื่องย่อ แต่พอได้เห็นตัวอย่างก็พอเดาได้ว่า คงไม่ได้เป็นส่วนหลักแน่นอน ซึ่งมาดูจริงๆ ก็ตามนั้นเลย ทั้งที่ประเด็นสามารถเล่นได้เข้มข้นมากกว่านี้จริงๆ

- บางส่วนของเนื้อเรื่อง ดูแล้วก็ยังแอบงงนิดๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ตอนไหน เมื่อไร เพราะมีแค่คำพูดเลยทำให้ไม่รู้ ถ้ามีต่อตรงนี้ก็ถือว่าเป็นจุดที่ควรแก้เลย

- พอดูจบ ก็รู้แล้วว่า ทำไมถึงใช้ชื่อเรื่องว่า "Light up The New World" รวมไปถึงตัว End-Credit ด้วย หลักๆ เป็นการบอกว่า มีภาคต่อแน่นอน

- เพลงประกอบภาพยนตร์ถือว่า สร้างอารมณ์ร่วมให้กับหนังได้ดีมากจริงๆ เพิ่มความเดือดเฉือนคมกันแบบสุดๆ จริงๆ

- ด้านนักแสดงนำทั้ง 3 "ฮิงาชิเดะ มาซาฮิโระ, อิเคมัตสึ โซสุเกะ, สุดะ มาซากิ" ต่างก็แสดงกันออกมาได้ดีเลยทีเดียว แถมเล่นใหญ่กันแบบสุดๆ สร้างอินเนอร์ร่วมยิ่งขึ้นไปอีก ส่วนนักแสดงในภาคก่อนอย่าง "โทดะ เอริกะ, ทัตสึยะ ฟูจิวาระ และ มัตสึยามะ เคนิอิชิ" แม้จะมาเป็นบทรับเชิญ (เว้น โทดะ ที่มาเป็น 1 ในตัวหลัก แต่ไม่ได้ออกเยอะ) ต่างก็ถือว่า มาเป็นตัวละครที่สำคัญของเรื่องเลย ถ้าขาดไปก็คงสีสันหายไปพอตัว โดยเฉพาะ มิสะ เป็นตัวละครที่น่าสงสารที่สุดในภาคนี้แล้วจริงๆ...

- สำหรับพากย์ไทยก็ไม่ได้แย่ มีใส่มุกตลกมานิดหน่อยเท่านั้นเอง แต่ถ้าใครไม่ชอบก็สามารถหาดูแบบเสียงในฟิล์มได้ ซึ่งก็ต้องเช็คโรงกันก่อนไปดูด้วยนะครับ เพราะแต่ล่ะวัน อาจจะมีเปิดโรงเพิ่มหรือลด ขึ้นอยู่กับทางโรงหนังด้วย

สำหรับใครที่เป็นแฟนๆ "Death Note" ก็อย่าพลาด "Light up The New World"  เป็นอันขาด เพราะหลังจากนี้คาดว่าจะมีภาคต่อแน่นอน ส่วน "Death Note : NEW GENERATION" จะหาดูก่อนไปชมหรือไม่ก็ได้ครับ เพราะไม่ค่อยขยายเนื้อเรื่องมากเท่าไรนัก ยกเว้นตอนของชิเอ็นที่ขยายเรื่องแบบจริงๆ ส่วนตอนของริวซากิก็ขยายเพิ่มบางส่วนครับ

Review By : T.J. @ T.J. MOVIE REVIEW

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างแรกและนักแสดงทั้งหมดในภาพยนตร์ Saiki Kusuo no Sainan ฉบับ Live Action

หลังจากประกาศสร้างมาตั้งปี 2015 ก็ได้มีการปล่อยตัวอย่างแรกพร้อมเหล่านักแสดงออกมาทั้งหมดแล้ว ตัวอย่างภาพยนตร์ - https://www.youtube.com/watch?v=4tCACKYolrs&t=0s และมีนักแสดงดังต่อไปนี้

"โกไคเจอร์" กลับมาครบทีม ร่วมฉลองซูเปอร์เซนไตซีรี่ส์ครบ 2,000 ตอน

นับตั้งแต่  "ขบวนการ ห้าจอมพิฆาต โกเรนเจอร์"  ได้ออกฉายตั้งแต่วันที่  4 เมษายน 1975  มาจนถึงขบวนการล่าสุด  "ขบวนการ ราชันย์สรรพสัตว์ จูโอเจอร์"  ซึ่งในวันที่  11 กันยายน  ก็จะฉายครบ  2,000 ตอน พอดี ในตอนที่  28-29   (ฉายวันที่ 4 และ 11 ก.ย.)  จึงได้มีตอนพิเศษขึ้นฉลอง โดยตอนพิเศษทั้ง  2  ตอน จะได้นักแสดงจาก  "ขบวนการ โจรสลัด โกไคเจอร์"  กลับมาแบบครบทีม ในรอบ  3 ปีครึ่ง  หลังจากภาพยนตร์  "ขบวนการ จารชน โกบัสเตอร์ ปะทะ ขบวนการ โจรสลัด โกไคเจอร์ เดอะมูฟวี่"

掟上今日子の備忘録。(Okitegami Kyoko no Biboroku) สมุดบันทึกความทรงจำของ โอคิเตะงามิ เคียวโกะ

            ก่อนจะเริ่มต้นวิจารณ์หรือวิเคราะห์ดีล่ะ เลือกไม่ถูก ถ้างั้นใช้เป็นว่า วิเคราะห์ น่าจะเหมาะสมที่สุดล่ะ ต้องขอบอกก่อนว่า ไม่ได้ตามดูซีรี่ส์จากทางฝั่งญี่ปุ่นมานานมากประมาณเกือบ 3 ปีได้ หลังจากซีรี่ส์ “Ando Lloyd - A.I. Knows Love ?” แล้วช่วงนี้ประจวบเหมาะกับไม่มีอะไรดู (เหรอ ? ) เลยลองมานั่งหาซีรี่ส์จากทางญี่ปุ่นดูบ้าง เปลี่ยนแนวจากที่ปกติเดิมจะดูแต่ซีรี่ส์ภาพยนตร์จากทางอเมริกาซะส่วนใหญ่ และ Okitegami Kyoko no Biboroku. เพื่อนก็แนะนำมาตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วก่อนซีรี่ส์จะจบด้วยซ้ำ (ตอนนั้น ฉายไป 8 ตอน ซีรี่ส์มีทั้งหมด 10 ตอน) เขาดูกันไปจะเกือบปีล่ะ ตัวเองพึ่งจะมานั่งดู หยิบขึ้นมาดูเท่านั้นแหละ กลายเป็นติดใจจนเลิกดูไม่ได้ นั่งดูอยู่บนห้องมันทั้งวันนี่แหละครับ ฮา