ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Review : Son of Saul

Review : Son of Saul
Score : 8/10

"สงครามทำให้ความเป็นมนุษย์สูญสิ้น ไม่มีคำว่าแบ่งแยก 

ความโหดร้ายของสงครามอีกแบบที่คุณไม่เคยรู้มาก่อน 

ไม่แปลกใจว่าทำไมได้ชิงออสการ์"


***มีสปอยเนื้อหาในภาพยนตร์***


เรื่องย่อ : ซอล นักโทษชายชาวฮังกาเรียน-ยิวที่ถูกกักกันอยู่ในค่ายเอาชวิทซ์ เขาทำงานอยู่ในหน่วยพิเศษ Sonderkommando ซึ่งทำหน้าที่เก็บศพชาวยิวด้วยกันเองจากห้องรมแก๊สหรือจากสาเหตุการตายอื่นๆ มาเผา ... วันหนึ่งเขาได้เจอกับศพของเด็กชายที่ตัวเขารู้สึกผูกพันด้วยอย่างประหลาด ด้วยเหตุนี้ซอลจึงพยายามตามหาแรปปี (หมายถึงอาจารย์หรือผู้เป็นที่เคารพในศาสนายูดาห์) เพื่อจะมาทำพิธีฝังศพเด็กชายคนนี้อย่างถูกต้องตามประเพณี

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


- ยอมรับว่าประเด็นที่ผกก.ต้องการจะสื่อออกมานั้น เป็นอะไรที่ย่อยยากพอดู ไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมถึงขอทุนมาสร้างได้ยากมาก

เนื้อเรื่องต้องการจะสื่อ ย้ำแบบเน้นๆ เลยว่า ต้องการจะสื่อถึงความเป็นมนุษย์ที่ถูกคำว่าสงครามลบล้างไป มนุษยธรรมไม่มีหลงเหลือ สงครามไม่มีคำว่าแบ่งแยก ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง เด็ก, ผู้ใหญ่ หรือคนแก่ มนุษย์แทบไม่ต่างอะไรกับสัตว์ที่โหดร้ายดีๆ นี่เอง แค่เรายกตัวเอง สูงขึ้น จากสัตว์สิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆ

ตัวละครหลักของเรื่อง "Saul" ที่อยู่ในหน่วย "Sonderkommando" ของนาซี ซึ่งเป็นหน่วยที่จัดตั้งขึ้น โดยคัดแยกเชลยชาวยิวมาใช้งานประมาณ 2 เดือน จากนั้นก็จะถูกจับไปฆ่าทิ้ง เช่นเดียวกับเชลยคนอื่นๆ "Saul" ที่เป็นชาวยิว ก็เหมือนเป็นทั้งผู้กระทำและผู้ถูกกระทำในเวลาเดียวกัน ซึ่งท้ายที่สุดสิ่งที่ตัวเองกระทำ ก็เหมือนเป็นโอกาสที่ถูกหยิบยื่นมาเพื่อยื้อชีวิต ก็ไม่ต่างกับตายไปแล้ว แต่แค่รอถึงเวลาจริงๆ เพียงแค่นั้น

หลังจากที่ "Saul" ได้ไปพบกับศพเด็กคนหนึ่ง ก็เหมือนกับทำให้เขาเริ่มมีสติขึ้นมาได้ว่า ถึงแม้นี่จะเป็นสงคราม แต่ความเป็นมนุษย์ที่เราเคยพูดๆ กันเอาไว้ เขียนๆ เอาไว้ มันหายไปไหนกันหมด ถ้าเป็นมนุษย์จริงๆ ทำไมถึงหมิ่นคำว่าชีวิตได้ง่ายขนาดนั้น แม้กระทั่งคนตายที่ไม่มีชีวิต ก็ยังถูกหมิ่นอย่างไร้ค่าเลย ทั้งที่ควรจะมีการจัดพิธีศพหรืออะไรให้ แต่นี่กลับไม่มีเลยแม้แต่น้อย

ทำให้การที่ "Saul" ต้องการจะทำพิธีฝังศพอย่างยากลำบากเป็นการแสดงถึงการที่ความเป็นมนุษยธรรมพยายามที่จะเบ่งบานท่ามกลางความโหดร้าย ถึงแม้จะเป็นสิ่งที่ยากลำบากก็ตาม แต่ก็เป็นสิ่งที่เราควรจะนึกถึงและพยายามทำให้มันเกิดขึ้นให้ได้

ด้านงานกำกับภาพ เรื่องนี้ส่วนใหญ่จะใช้เทคนิคในการถ่ายทำแบบ Long Take ติดตามตัวละครตลอด ให้เราเห็นเพียงแค่ในส่วนที่เกิดขึ้นกับตัว "Saul" เท่านั้น และยังเลือกใช้ขนาดภาพแบบอัตราส่วน 4:3 มุมกล้องแคบๆ  จำกัดมุมมองในการเห็นหรือเก็บข้อมูล รู้เท่าที่เห็นจากตัวละครพอ อย่างอื่นไม่ต้องรู้ ไม่มีการโฟกัสส่วนอื่นเลยนอกจากตัวละคร ทำให้ดูแล้วอึดอัดเป็นอย่างมากเลยทีเดียว แต่พอเป็นพวกฉากที่มีการเคลื่อนไหวแบบเร็วๆ ก็มึนหัวแบบสุดๆ จะอ้วกเลยครับ...

เรื่องนี้เพลงประกอบแทบไม่ได้ใช้เลย จะเป็นเสียงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซะมากกว่า ซึ่งก็ถือว่าดีครับ ไม่ต้องมีเพลงประกอบมาช่วย ก็สามารถทำให้การเบ่าเรื่องไม่สะดุดได้ แอบคิดว่าเป็นภาพยนตร์แนวสารคดีมากกว่าด้วยซ้ำไป

สรุป "Son of Saul" เป็นภาพยนตร์ที่สร้างจากเรื่องจริงในสมุดบันทึกของคุณหมอที่อยู่ในค่ายกักกัน และนำมาดัดแปลงได้ดีเลยครับ แต่ว่า สิ่งที่ผกก.ต้องการจะสื่อออกมาจริงๆ กลับย่อยยาก แต่ประเด็นรองสามารถเห็นได้ชัดเลย ถ้าหากเป็นไปได้ ก็แนะนำให้ไปรับชมกันครับ

สุดท้ายนี้ก็ต้องขอขอบคุณบัตรชมภาพยนตร์รอบพิเศษจากทาง Mongkol Major (สหมงคลฟิล์ม) ด้วยนะครับ สำหรับภาพยนตร์ดีๆ ที่ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยื่ยม


"Son of Saul" เข้าฉายแล้ว วันนี้ ตามโรงภาพยนตร์ด้านล่างนี้เลยครับ

Review By : T.J. & The Doctor @ T.J. Movie Review

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

掟上今日子の備忘録。(Okitegami Kyoko no Biboroku) สมุดบันทึกความทรงจำของ โอคิเตะงามิ เคียวโกะ

            ก่อนจะเริ่มต้นวิจารณ์หรือวิเคราะห์ดีล่ะ เลือกไม่ถูก ถ้างั้นใช้เป็นว่า วิเคราะห์ น่าจะเหมาะสมที่สุดล่ะ ต้องขอบอกก่อนว่า ไม่ได้ตามดูซีรี่ส์จากทางฝั่งญี่ปุ่นมานานมากประมาณเกือบ 3 ปีได้ หลังจากซีรี่ส์ “Ando Lloyd - A.I. Knows Love ?” แล้วช่วงนี้ประจวบเหมาะกับไม่มีอะไรดู (เหรอ ? ) เลยลองมานั่งหาซีรี่ส์จากทางญี่ปุ่นดูบ้าง เปลี่ยนแนวจากที่ปกติเดิมจะดูแต่ซีรี่ส์ภาพยนตร์จากทางอเมริกาซะส่วนใหญ่ และ Okitegami Kyoko no Biboroku. เพื่อนก็แนะนำมาตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วก่อนซีรี่ส์จะจบด้วยซ้ำ (ตอนนั้น ฉายไป 8 ตอน ซีรี่ส์มีทั้งหมด 10 ตอน) เขาดูกันไปจะเกือบปีล่ะ ตัวเองพึ่งจะมานั่งดู หยิบขึ้นมาดูเท่านั้นแหละ กลายเป็นติดใจจนเลิกดูไม่ได้ นั่งดูอยู่บนห้องมันทั้งวันนี่แหละครับ ฮา

Review : Detective Conan EPISODE “ONE”

Review : Detective Conan EPISODE “ONE” Score : 8.5/10 "เสริมเนื้อเรื่องได้ดี ดูเพลิน สนุกมาก ตัวละครมากันพร้อมหน้า ใครที่เป็นแฟนโคนันฟินแน่..." “ยอดนักสืบจิ๋ว โคนัน EPISODE “ONE” กำเนิดยอดนักสืบจิ๋ว” เป็นอนิเมะตอนพิเศษที่นำเอาตอนที่ 1 ของโคนัน มาขยายเรื่องราวเพิ่มขึ้น ว่าตัวละครแต่ล่ะตัว ทำอะไรอยู่ที่ไหนอย่างไรบ้าง และมีเนื้อเรื่องบางส่วนที่ขยายเรื่องราวนอกจากตอนที่ 1 มาด้วย ซึ่งฉายไปเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม ที่ผ่านมาในประเทศญี่ปุ่น และบ้านเราก็ได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์วันที่ 22 ธันวาคม ครับ แต่ก่อนหน้านั้น ก็สามารถชมได้ทาง iFlix ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม ถือว่า ฉายห่างจากญี่ปุ่นแค่ประมาณ 1-2 อาทิตย์เอง

รวมข่าวทั้งหมดของ "Supergirl Season 2" และสิ้นปีนี้เตรียมพบ Big Event ของ DC Super Heroes ในช่อง The CW

หลังจากช่วงกลางเดือนที่ผ่านมาได้มีการ  ยืนยัน! "Supergirl" ย้ายจากช่อง CBS ไป CW พร้อมทีมนักแสดงกลับมาครบชุด  ก็ได้มีข้อมูลใหม่เพิ่มเติมออกมา พร้อม Teaser อย่างเป็นทางการ ว่าสิ้นปีนี้เตรียมพบกับการเปลี่ยนแปลงของ "Supergirl" โดยการย้ายมาฉายในช่อง The CW นั่นเอง