ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Review : Concussion

Review : Concussion
Score : 8/10



"กระทบเบาๆ มันไม่พอ มันต้องเล่นให้หนัก
ตีแผ่ความจริงของวงการฟุตบอล NFL อย่างเข้มข้น 

จังหวะการเล่าเรื่องลงตัว การแสดงของ Will Smith ทรงพลัง"


เรื่องย่อ : สร้างขึ้นจากเรื่องจริงอันเหลือเชื่อแบบมดล้มช้างของผู้อพยพชาวอเมริกัน ดร.เบนเน็ต โอมาลู แพทย์ด้านนิติประสาทพยาธิวิทยาผู้ปราดเปรื่อง ผู้ค้นพบเรื่องทางการแพทย์ครั้งสำคัญ ความตั้งใจอันแรงกล้าของโอมาลูทำให้เขาต้องประจันหน้ากับหนึ่งในสถาบันที่ทรงอำนาจที่สุดในโลก

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



- ในด้านเนื้อเรื่องถือว่าดีเลยครับ เล่าถึงโรคสมองต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับนักฟุตบอลอเมริกา ซึ่งเป็นความจริงที่ถูกเปิดเผยออกมาในปี 2002 แล้วก็โดนสมาคม NFL ปิดข่าวเอาไว้ โดยการจ่ายเงินปิดปาก ใส่ร้ายป้ายสีทีมวิจัย จนกระทั่งปี 2011 ก็ได้มีการฟ้องร้องกันใหญ่โตถึง 5,000 คดี ปิดไงก็เอาไม่อยู่จริงๆ

เรื่องนี้จะมีคำศัพท์ทางการแพทย์มาพอตัว ดูแล้วอาจจะย่อยยากนิดนึง เพราะเราไม่รู้ศัพท์ แต่ว่าตัวเรื่องจะจะมีพูดถึงอาการของโรคที่เกี่ยวกับการกระทบกระแทกของสมองมากเกินไป ว่าสมองของมนุษย์สามารถรับแรงกระแทกได้มากเท่าไร? และถ้าหากรับแรงกระแทกมากกว่านั้นจะเกิดอะไรกับสมอง?


ซึ่งโรคที่เป็นหลักของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเรื่องนี้คือ "Concussion & CTE" (เดี๋ยวจะแปะลิงค์ให้อ่านกันท้าย Review นะครับ) โดยทั้ง 2 โรคนี้เป็นโรคที่พบในวงการกีฬาฟุตบอลมากที่สุด และ 2 โรคนี้ยังเป็นโรคที่เกิดต่อกันด้วย ดูแล้วไม่ต้องกังวลว่าย่อยยากแล้วจะดูไม่รู้เรื่อง มันย่อยยากแค่นิดเดียวเองจริงๆ ครับ ยังไงก็สามารถจับจุดสำคัญได้อยู่

แล้วก็ยังได้เห็นการทำงานผ่าชันสูตรแบบคร่าวๆ ด้วย ว่ามีวิธีการทำอะไรยังไง? มีการจดบันทึก ตรวจสอบข้อมูลการตรวจสุขภาพก่อนหน้าที่จะเสียชีวิต และอื่นๆ อีกมากมาย ตามขั้นตอนการชันสูตรครับ

นอกจากในเรื่องจะถ่ายทอดความน่ากลัวของทั้ง 2 โรคที่เกิดขึ้นจากการที่สมองเกิดการกระแทรกมาเกินไปแล้ว ก็ยังถ่ายทอดมุมมืดขององค์กรฟุตบอล NFL ที่รู้เรื่องเกี่ยวกับโรคคอนคัสชั่น แต่กลับบอกว่า ทุกอย่างปกติโดยเอาเหตุผลว่าตรวจซีทีสแกนไม่พบมายันเอาไว้ แล้วก็ปล่อยไม่ดูแลและรับผิดชอบนักกีฬาอเมริกันฟุตบอลเลยแม้แต่น้อย ทั้งที่เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย และส่งผลกระทบต่อชีวิตครอบครัวอีกมาก

ลำดับการเล่าเรื่องแบ่งเป็นจังหวะได้ดีเลยครับ มีลงหนักและผ่อนเบา ในส่วนที่ผ่อนเบา จะเอาดราม่าความรักของ ดร.โอมาลู มาใส่ ซึ่งส่วนใหญ่เวลาผ่อนเบาเนื้อเรื่อง จะใช้ในการแทรกมุกตลกเข้ามา เรื่องนี้ก็มีแทรก แต่ที่เห็นชัดจะเป็นในส่วนดราม่ามากกว่า ถือว่าดีตรงที่แทรกมาแล้วไม่ได้ทำให้ตัวเรื่องเครียดไปกว่าเดิม ดูแล้วมันผ่อนคลายลงจริงๆ แอบชอบมากที่สามารถทำได้ เอาดราม่ามาตัดกับโทนเครียดได้นี่สุดๆ

ด้านนักแสดง ยอมรับเลยว่า "Will Smith" คืนฟอร์มจริงๆ หลังจากที่ล่มจมไปกับ "After Earth" และกลับมาใน "focus" ซึ่งเรื่องนี้แอบชอบมาก เล่ห์เหลี่ยมกลโกงตรึม โดยการกลับมาครั้งนี้ใน Concussion พี่แก Power มาแบบจัดเต็ม พร้อมที่จะเปิดเผยความจริงที่เกิดขึ้นกับ 'ไมค์ เว็บสเตอร์' นักฟุตบอลอาชีพผู้โด่งดังในวงการมาประมาณ 18 ปี เป็นหมอผู้ยึดในจรรยาบรรณ ทั้งที่ไม่ได้เป็นคนอเมริกัน แต่ก็ทำการทดลองเพื่อชาวอเมริกัน ซึ่ง "Will Smith" สามารถถ่ายทอดบทบาทออกมาได้ดีเลยทีเดียว

โดยรวมถือว่า เป็นหนังที่ดัดแปลงจากเรื่องจริงได้ดีอีกเรื่องนึง เห็นถึงผลกระทบทั้ง 2 โรคที่เกิดขึ้น แต่กลับถูกปกปิดเอาไว้ เพียงเพราะเหตุผลทางธุรกิจ เช่นเดียวกับ เหตุการณ์ยาสูบในช่วงปี 1990+ ของอเมริกา ที่ใส่สารก่อมะเร็งเพิ่มเข้าไป แทนที่จะหาสารอื่นมา เพื่อเลี่ยงการทำลายสุขภาพของผู้สูบ

สำหรับใครที่ชอบพวกอเมริกันฟุตบอลไปรับชมเรื่องนี้กันก็ดีครับ เพราะจะได้เห็นถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับกีฬาชนิดนี้ว่าจะให้ผลอย่างไร? หรือไม่จำเป็นที่จะต้องชอบกีฬาอเมริกันฟุตบอลก็สามารถเข้าไปดูเป็นความรู้ เกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับสมองมนุษย์หากได้รับการกระแทกมากเกินไป ถือว่าเป็นเรื่องที่มีความร้ายแรงและน่าดูเป็นข้อมูลเอาไว้ครับ

และสุดท้ายนี้ก็ต้องขอขอบคุณบัตรชมภาพยนตร์รอบพิเศษจากทาง Sony Pictures Thailand ด้วยครับ...

"Concussion : คนเปลี่ยนเกม" มีกำหนดฉาย 18 กุมภาพันธ์นี้ ในโรงภาพยนตร์

อ่านรายละเอียดโรค Concussion & CTE ได้ที่ http://www.thairath.co.th/content/576945

Review By : T.J. @ T.J. Movie Review

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างแรกและนักแสดงทั้งหมดในภาพยนตร์ Saiki Kusuo no Sainan ฉบับ Live Action

หลังจากประกาศสร้างมาตั้งปี 2015 ก็ได้มีการปล่อยตัวอย่างแรกพร้อมเหล่านักแสดงออกมาทั้งหมดแล้ว ตัวอย่างภาพยนตร์ - https://www.youtube.com/watch?v=4tCACKYolrs&t=0s และมีนักแสดงดังต่อไปนี้

掟上今日子の備忘録。(Okitegami Kyoko no Biboroku) สมุดบันทึกความทรงจำของ โอคิเตะงามิ เคียวโกะ

            ก่อนจะเริ่มต้นวิจารณ์หรือวิเคราะห์ดีล่ะ เลือกไม่ถูก ถ้างั้นใช้เป็นว่า วิเคราะห์ น่าจะเหมาะสมที่สุดล่ะ ต้องขอบอกก่อนว่า ไม่ได้ตามดูซีรี่ส์จากทางฝั่งญี่ปุ่นมานานมากประมาณเกือบ 3 ปีได้ หลังจากซีรี่ส์ “Ando Lloyd - A.I. Knows Love ?” แล้วช่วงนี้ประจวบเหมาะกับไม่มีอะไรดู (เหรอ ? ) เลยลองมานั่งหาซีรี่ส์จากทางญี่ปุ่นดูบ้าง เปลี่ยนแนวจากที่ปกติเดิมจะดูแต่ซีรี่ส์ภาพยนตร์จากทางอเมริกาซะส่วนใหญ่ และ Okitegami Kyoko no Biboroku. เพื่อนก็แนะนำมาตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วก่อนซีรี่ส์จะจบด้วยซ้ำ (ตอนนั้น ฉายไป 8 ตอน ซีรี่ส์มีทั้งหมด 10 ตอน) เขาดูกันไปจะเกือบปีล่ะ ตัวเองพึ่งจะมานั่งดู หยิบขึ้นมาดูเท่านั้นแหละ กลายเป็นติดใจจนเลิกดูไม่ได้ นั่งดูอยู่บนห้องมันทั้งวันนี่แหละครับ ฮา

Review : Kung Fu Panda 3

Review : Kung Fu Panda 3 Score : 8/10 "ดูเพลิน สนุก ตลกฮา ปนน่ารักของเหล่าแพนด้า ตอนท้ายซึ้งดี พร้อมออกตามหาตัวตน ว่าเรานั้นเป็นใคร?" เรื่องย่อ : การกลับมาของพ่อแพนด้าของโปที่หายสาบสูญไปเมื่อนานมาแล้ว ทั้งคู่กลับมาร่วมทางกันสู่เมืองลับแลของแพนด้า เพื่อพบกับพวกแพนด้าตัวตลกหน้าใหม่ แต่เมื่อจอมวายร้ายผู้อยู่เหนือธรรมชาติอย่าง ไค เริ่มกวาดล้างประเทศจีนด้วยการเอาชนะจ้าวแห่งกังฟูทั้งหมด โพต้องทำสิ่งเหลือเชื่ออย่างการศึกษาวิธีการฝึกฝนเหล่าพี่น้องจอมเซ่อที่น่ารักของเขา เพื่อให้กลายเป็นเหล่าสุดยอดกังฟูแพนด้า!