ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Review : Shin•Godzilla (Godzilla Resurgence)

Review : Shin•Godzilla (Godzilla Resurgence)
Score : 8/10

"ไฟแลบกว่าก็อตซิลล่า ก็บทพูดนี่แหละ ลุกเป็นไฟเลย ความเป็นญี่ปุ่นมาแบบจัดเต็ม ร่วมมือร่วมใจ ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค ยังคงมีความหวังในความล่มสลาย"


เรื่องย่อ : วันหนึ่งได้มีการตรวจพบความผิดปกติบริเวณอ่าวโตเกียวของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยชายฝั่ง อันเกิดจากการโจมตีของสิ่งมีชีวิตบางอย่าง จนส่งผลให้เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมในระบบ Tokyo Bay Aqua-Line แต่เรื่องกลับถูกปกปิด จนกระทั่งหายนะครั้งใหญ่ได้ปะทุรุนแรงขึ้น จากแรงสั่นสะเทือนที่มาพร้อมเสียงคำรามกึกก้องของอสูรกายขนาดมหึมา เมื่อ “Godzilla” ปรากฏตัวและทำให้ญี่ปุ่นทั้งเมืองต้องตกอยู่ในความโกลาหล รัฐบาลญี่ปุ่นจากหลากหลายหน่วยงาน ร่วมด้วยความช่วยเหลือจากต่างประเทศจะผนึกกำลังกัน เพื่อรับมือและหยุดยั้งความสูญเสียจากการทำลายล้างของสิ่งมีชีวิตสุดน่ากลัวนี้ได้อย่างไร?

- ด้านเนื้อเรื่อง จะพูดถึงการรับมือกับภัยพิบัติที่มนุษย์ไม่เคยเจอมาก่อน ซึ่งนั่นก็คือ Gojira หรือ Godzilla นั่นเอง โดยภายในเรื่องจะได้เห็นปัญหาต่างๆ เกิดขึ้น เมื่อมนุษย์เจอกับภัยพิบัติที่ไม่เคยเจอมาก่อนในตำรา จะทำอย่างไร รวมไปถึงความกลมเกลียว การพลังกันเป็นหนึ่งเดียวของคนญี่ปุ่น ในยามเมื่อเกิดภัยพิบัติขึ้น ที่แม้จะไม่มีความหวังในการหยุดยั้ง แต่ก็ยังคงเชื่อมั่นในความหวังท่ามกลางการล่มสลายที่ได้คืบคลานเข้ามา เป็นการแสดงเอกลักษณ์ของญี่ปุ่นกันออกมาอย่างชัดเจนและเต็มรูปแบบเลยทีเดียวครับ ไม่แปลกใจเลย ที่คนญี่ปุ่นจะชอบ

นอกจากจะแสดงความเป็นญี่ปุ่นออกมาแล้ว ก็ยังเสียดสีในเรื่องการเมืองนิดๆ ที่ซึ่งมีทั้งคนที่ดี ต้องการปกป้องประเทศ หรือไม่แคร์สิ่งที่เกิดขึ้นสักเท่าไร รวมไปถึงการแทรกแซงทางการเมืองระหว่างประเทศด้วย โดยเฉพาะเรื่องการแทรกแซงที่จะเห็นได้ชัดเลยว่า พอมีเรื่องราวที่เหนือธรรมชาติเกิดขึ้น แต่ล่ะประเทศต่างก็หันหน้าเข้ามาเป็นพันธมิตรทันที ซึ่งมีในแฝงที่จะต้องการศึกษาเรื่องเหนือธรรมชาติเป็นประเทศแรก โดยไม่สนว่า ประเทศที่เป็นคนเจอจะต้องเสียอะไรไปบ้าง พูดง่ายๆ ก็คือ "หาผลประโยชน์เข้าตัว" นั่นเอง

ตัวบทของหนังพูดกันไฟแลบมาก ยิ่งช่วงครึ่งเรื่องแรกนี่ อือหือ บทพูดส่วนใหญ่จะมีศัพท์ทางการไม่ใช่น้อย (ก็แหงสิ หนังการเมืองนี่) แต่ถึงแม้จะเป็นทางการก็ยังสามารถเข้าใจในคำพูดนั้นได้ครับ ใครที่ไม่ชอบดูภาพยนตร์ที่ออกแนวเคร่งเครียด หรือภาพยนตร์ที่คุยกันไฟแลบ แต่ไม่มีความฮาอะไรเลย เพื่อผ่อนคลาย อาจไม่ชอบภาพยนตร์เรื่องนี้กันแบบสุดๆ ครับ เพราะคุยกันไฟแลบจริงๆ...

นักแสดงเรื่องนี้ พูดกันตรงๆ เลยว่า มากหน้าหลายตา และคุ้นเคยกันอยู่บ้าง ถ้าใครที่ดูซีรี่ส์หรือภาพยนตร์ญี่ปุ่นมาก่อน ซึ่งใช้นักแสดงหลักกันถึง 328 คน (แต่ซับที่อธิบายว่าใครเป็นใคร ไม่น่าจะถึง แค่สัก 50 เห็นจะได้) แต่ล่ะคนต่างก็เล่นกันได้เต็มที่ไม่มีสะดุด มาไวไปไวจนจำไม่ได้ว่าใครเป็นใคร มีแค่ตัวละครหลักที่รับบทโดย "ฮาเซกาว่า ฮิโรกิ, อิชิฮาระ ซาโตมิ, ทาเคโนอุจิ ยูทากะ, โคระ เคนโก, เรน โอซุกิ, อิชิคาว่า มิคาโกะ, สึดะ คันจิ" ซึ่งจำได้แค่ว่าใครเล่น แต่ไม่รู้ว่าใครเล่นบทอะไรบ้าง อ่านซับกันไม่ทันเลยจริง แต่ทุกคนล้วนเล่นออกมาได้ดี สามารถส่งบทต่อกันได้ไหลลื่นไม่มีสะดุดเลยครับ

งาน CG ไม่ต่างอะไรกับหนังญี่ปุ่นทั่วไป แต่ก็ถือว่ามีความเนียนอยู่ในระดับนึง ช่วงแรกจะเห็นได้ชัดเลยว่า ไม่ได้มีความเนียนสักเท่าไร แค่พอถูไถไปได้บ้าง มาเริ่มดีขึ้นจริงๆ ก็ตั้งแต่ช่วงกลางเรื่องเป็นต้นไป แต่ก็ยังไม่จุดไม่เนียนอยู่บ้าง ช่วงท้ายก็เริ่มกลับมาเห็นได้ชัดเหมือนเดิมอีก แต่ถ้าเทียบกับหลายๆ เรื่องที่ผ่านมาในบรรดาหนังญี่ปุ่น ก็ถือว่าดีขึ้นมาในระดับนึงเท่านั้นครับ สงสัยงบคงหมดไปกับนักแสดงแล้ว ฮา ///แอบคิดว่า TOHO สนใจร่วมมือสร้างร่วมกับ Warner Bros. สักภาคไหมครัช งาน CG จะได้ปังๆ ไปเลย...

ก็อตซิลล่าที่ปรากฎตัวในหนังก็ถือว่ามีความน่าเกรงขาม แต่ก็ไม่ได้เยอะอะไรมากมาย แม้จะบอกว่าใช้ CG เต็มๆ ทั้งตัว แต่ CG ก็ทำออกมาโดยอิงพื้นฐานจากชุดยาง ซึ่งยอมรับว่า ณ จุดนี้เป็นจุดที่เก็บรายละเอียดดีที่สุด ซึ่งอยู่ในช่วงกลางเรื่องพอดี อย่างที่บอกไปด้านบน อาจจะเป็นเพราะตัดสลับ CG กับชุดจริงๆ มาใส่ด้วยเป็นบางฉาก เลยทำให้ดูโอเคครับ

ในส่วนของพากย์ไทย ครั้งนี้เรียกได้ว่า พันธมิตร พากย์ออกมาได้กำลังดีเลยทีเดียว แทบจะไม่มีเล่นมุขตลกเลย ถึงจะมีแต่น้อยมากๆ ฉากไหนที่ซีเรียสก็จะพากย์ซีเรียสจริงๆ

โดยรวมก็ถือว่า Shin•Godzilla ก็มีความสนุกในด้านที่เราจะได้เห็นเอกลักษณ์ของความเป็นญี่ปุ่นกันแบบเต็มที่ Godzilla เป็นเพียงแค่ภัยพิบัติที่จะมาแสดงให้เห็นถึงความเป็นเอกลักษณ์นั้นออกมา ถ้าถามว่า Shin•Godzilla กับ Godzilla 2014 เรื่องไหนสนุกกว่า ขอบอกว่า เทียบกันไม่ได้ครับ เพราะทั้ง 2 เรื่องมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ดังนั้น ความสนุกมันมีอยู่ในตัวแน่นอนครับ

Review By : T.J. & Joe @ T.J. MOVIE REVIEW

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างแรกและนักแสดงทั้งหมดในภาพยนตร์ Saiki Kusuo no Sainan ฉบับ Live Action

หลังจากประกาศสร้างมาตั้งปี 2015 ก็ได้มีการปล่อยตัวอย่างแรกพร้อมเหล่านักแสดงออกมาทั้งหมดแล้ว ตัวอย่างภาพยนตร์ - https://www.youtube.com/watch?v=4tCACKYolrs&t=0s และมีนักแสดงดังต่อไปนี้

"โกไคเจอร์" กลับมาครบทีม ร่วมฉลองซูเปอร์เซนไตซีรี่ส์ครบ 2,000 ตอน

นับตั้งแต่  "ขบวนการ ห้าจอมพิฆาต โกเรนเจอร์"  ได้ออกฉายตั้งแต่วันที่  4 เมษายน 1975  มาจนถึงขบวนการล่าสุด  "ขบวนการ ราชันย์สรรพสัตว์ จูโอเจอร์"  ซึ่งในวันที่  11 กันยายน  ก็จะฉายครบ  2,000 ตอน พอดี ในตอนที่  28-29   (ฉายวันที่ 4 และ 11 ก.ย.)  จึงได้มีตอนพิเศษขึ้นฉลอง โดยตอนพิเศษทั้ง  2  ตอน จะได้นักแสดงจาก  "ขบวนการ โจรสลัด โกไคเจอร์"  กลับมาแบบครบทีม ในรอบ  3 ปีครึ่ง  หลังจากภาพยนตร์  "ขบวนการ จารชน โกบัสเตอร์ ปะทะ ขบวนการ โจรสลัด โกไคเจอร์ เดอะมูฟวี่"

掟上今日子の備忘録。(Okitegami Kyoko no Biboroku) สมุดบันทึกความทรงจำของ โอคิเตะงามิ เคียวโกะ

            ก่อนจะเริ่มต้นวิจารณ์หรือวิเคราะห์ดีล่ะ เลือกไม่ถูก ถ้างั้นใช้เป็นว่า วิเคราะห์ น่าจะเหมาะสมที่สุดล่ะ ต้องขอบอกก่อนว่า ไม่ได้ตามดูซีรี่ส์จากทางฝั่งญี่ปุ่นมานานมากประมาณเกือบ 3 ปีได้ หลังจากซีรี่ส์ “Ando Lloyd - A.I. Knows Love ?” แล้วช่วงนี้ประจวบเหมาะกับไม่มีอะไรดู (เหรอ ? ) เลยลองมานั่งหาซีรี่ส์จากทางญี่ปุ่นดูบ้าง เปลี่ยนแนวจากที่ปกติเดิมจะดูแต่ซีรี่ส์ภาพยนตร์จากทางอเมริกาซะส่วนใหญ่ และ Okitegami Kyoko no Biboroku. เพื่อนก็แนะนำมาตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วก่อนซีรี่ส์จะจบด้วยซ้ำ (ตอนนั้น ฉายไป 8 ตอน ซีรี่ส์มีทั้งหมด 10 ตอน) เขาดูกันไปจะเกือบปีล่ะ ตัวเองพึ่งจะมานั่งดู หยิบขึ้นมาดูเท่านั้นแหละ กลายเป็นติดใจจนเลิกดูไม่ได้ นั่งดูอยู่บนห้องมันทั้งวันนี่แหละครับ ฮา