ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Review : The Himalayas

Review : The Himalayas
Score : 7.8/10

"สะท้อนชีวิตของนักปีนเขาได้ดี ยากลำบากแค่ไหน ก็ยังมีมิตรภาพคอยค้ำจุน มนุษย์จะรู้ตัวตนที่แท้จริงก็ต่อเมื่อสิ้นหวังในชีวิต
ระบบ Screen X คือ IMAX ผสม 4DX นี่เอง"


เรื่องย่อ : ภาพยนตร์ผจญภัยที่อิงจากเหตุการณ์จริงในปี 2004 ที่เหล่านักสำรวจ นำโดย "อึม ฮองกิล" ตัดสินใจไต่เขาหิมาลัย พวกเขาไม่ได้มาเพื่อสร้างสถิติหรือชื่อเสียงใดๆ แต่เพื่อพยายามค้นหา "มูเต็ก" เพื่อนสนิทของฮองกิลที่หายสาบสูญระหว่างพิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสต์
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

- ด้านการเล่าเรื่องราว ยอมรับเลยว่า ได้เห็นชีวิตของนักปีนเขาว่า กว่าเขาจะไปปีนเขาได้ ต้องผ่านอะไรมาบ้าง? ต้องมีการฝึกฝน เตรียมพร้อมรับมือกับอุปสรรคต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นตอนปีนเขา ซึ่งไม่อาจจะคาดการณ์ได้ ถึงแม้เราคิดว่าเราพร้อม แต่ความเป็นจริงมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดหรือเห็นเสมอไป ไม่ใช่คิดว่า มันก็ปีนได้ง่ายๆ มือสมัครเล่นก็ปีนได้

นักปีนเขาในเรื่องก็ยังบอกเองอีกว่า "ใช่ว่า เราปีนเขาได้สำเร็จ ก็คิดว่าชีวิตนี้จะใช้คุ้มแล้ว การปีนเขาต้องแบกรับกับสิ่งที่เรียกว่า ความกลัว และความสิ้นหวัง ในตอนนั้นเอง หน้ากากที่มนุษย์อย่างเราๆ สวมกันอยู่ก็จะหลุดออก พร้อมรู้ธาตุแท้ของคนๆ นั้น อย่างแท้จริง" ซึ่งตรงจุดนี้ก็จะเชื่อมโยงต่อไปยังมิตรภาพที่เกิดขึ้นว่า "เมื่อเราเจอปัญหาและอุปสรรคจนถึงขั้นที่สิ้นหวัง คนที่อยู่รอบข้างเรา โดยบอกว่า เราเป็นมิตรกัน จะช่วยให้เราหรือช่วยกันข้ามผ่านความสิ้นหวังได้หรือไม่?"

เนื้อเรื่องเล่าเร็วไปนิดในช่วงแรก จนนึกว่า หนังจะแค่ประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ แต่จริงๆ หนังก็อยู่ที่ประมาณ 2 ชั่วโมง มีการเล่าถึงความผูกพันธ์ของตัวละครเอกทั้ง 3 ได้ดี ทำให้เรารู้สึกได้ถึงความผูกพันธ์และมิตรภาพที่พร้อมจะคอยช่วยเหลือกันยันวินาทีสุดท้ายของชีวิตจริงๆ "มนุษย์จะเผยตัวตนจริงๆ ก็ยามสิ้นหวังนี่แหละ"

"การปีนเขาก็เหมือนกับยาเสพติด เมื่อทำแล้วมันก็เลิกไม่ได้" นอกจากได้เห็นชีวิตของนักปีนเขากับสิ่งที่ต้องไปเผชิญแล้ว เรื่องนี้ก็ยังถ่ายทอดชีวิตของครอบครัวนักปีนเขาด้วย ถ้าให้เปรียบ นักปีนเขาก็คงคล้ายๆ ทหารๆ นิดๆ ที่เมื่อไปแล้ว ก็ไม่มีทางรู้เลยว่า จะได้มีชีวิตรอดกลับมาหรือไม่? แต่ก็ยังอยากที่จะทำ เพราะมันกลายเป็นส่วนนึงของชีวิตไปแล้ว ติดเหมือนยาเสพติด (แต่เป็นการส่งเสริมการออกกำลังกาย) ไม่สามารถเลิกกันได้ง่ายๆ

ภาพยนตร์ "The Himalayas" เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของโลกที่เปิดประสบการณ์การรับชมภาพยนตร์แบบใหม่ ด้วยจอ 3 ทิศทาง 270 องศา ซึ่งมีชื่อเรียกว่า "Screen X" ให้บรรยากาศเหมือนอยู่ในเหตุการณ์จริงๆ คิดค้นโดยประเทศเกาหลีใต้ และภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เป็นภาพยนตร์เกาหลีด้วย เหมาะเจาะมาก

หลังจากที่ได้รับชมระบบนี้ โดยส่วนตัวรู้สึกว่า เหมือนเป็นการรวม IMAX & 4DX เข้าด้วยกัน แล้วออกมาเป็น Screen X ซึ่งจะทำให้เราได้ประสบการณ์รับชมสุดพิเศษ กับภาพ 270 องศา มีสัดส่วนพิเศษเฉพาะสำหรับ Screen X ที่ไม่สามารถรับชมในโรงภาพยนตร์ปกติได้เหมือน IMAX และให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในเรื่องจริงๆ เหมือนกับ 4DX ที่ใช้ 13 Special Effect แต่สำหรับ Screen X เปลี่ยนเป็นภาพ 270 องศารอบตัว ให้เหมือนกับเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์จริงๆ แทน...

สำหรับเรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นภาพยนตร์ที่ฉายในระบบ Screen X เรื่องแรก ยังมีข้อผิดพลาดอยู่บ้างบางประการ แต่สามารถเข้าใจได้ ก็มันเป็นเรื่องแรกล่ะนะ (ฮา) อย่างน้อยก็เป็นแนวทางให้กับภาพยนตร์เรื่องต่อไปที่จะถ่ายทำแบบ 270 องศา ในอนาคตด้วย งานนี้ ก็ต้องพัฒนากันต่อไปอีกยาวๆ ครับ

สุดท้ายนี้ก็ต้องขอขอบคุณบัตรจากทาง Quartier Cineart ที่ได้ให้บัตรชมภาพยนตร์ในระบบ Screen X เรื่องแรกและรอบแรกในประเทศไทยด้วยครับ

"The Himalayas : แด่มิตรภาพ สุดขอบฟ้า"
มีกำหนดฉาย 6 เมษายน ที่ Quartier Cineart โรงภาพยนตร์ True Screen X เท่านั้น 

Review By : T.J. @ T.J. Movie Review

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างแรกและนักแสดงทั้งหมดในภาพยนตร์ Saiki Kusuo no Sainan ฉบับ Live Action

หลังจากประกาศสร้างมาตั้งปี 2015 ก็ได้มีการปล่อยตัวอย่างแรกพร้อมเหล่านักแสดงออกมาทั้งหมดแล้ว ตัวอย่างภาพยนตร์ - https://www.youtube.com/watch?v=4tCACKYolrs&t=0s และมีนักแสดงดังต่อไปนี้

掟上今日子の備忘録。(Okitegami Kyoko no Biboroku) สมุดบันทึกความทรงจำของ โอคิเตะงามิ เคียวโกะ

            ก่อนจะเริ่มต้นวิจารณ์หรือวิเคราะห์ดีล่ะ เลือกไม่ถูก ถ้างั้นใช้เป็นว่า วิเคราะห์ น่าจะเหมาะสมที่สุดล่ะ ต้องขอบอกก่อนว่า ไม่ได้ตามดูซีรี่ส์จากทางฝั่งญี่ปุ่นมานานมากประมาณเกือบ 3 ปีได้ หลังจากซีรี่ส์ “Ando Lloyd - A.I. Knows Love ?” แล้วช่วงนี้ประจวบเหมาะกับไม่มีอะไรดู (เหรอ ? ) เลยลองมานั่งหาซีรี่ส์จากทางญี่ปุ่นดูบ้าง เปลี่ยนแนวจากที่ปกติเดิมจะดูแต่ซีรี่ส์ภาพยนตร์จากทางอเมริกาซะส่วนใหญ่ และ Okitegami Kyoko no Biboroku. เพื่อนก็แนะนำมาตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วก่อนซีรี่ส์จะจบด้วยซ้ำ (ตอนนั้น ฉายไป 8 ตอน ซีรี่ส์มีทั้งหมด 10 ตอน) เขาดูกันไปจะเกือบปีล่ะ ตัวเองพึ่งจะมานั่งดู หยิบขึ้นมาดูเท่านั้นแหละ กลายเป็นติดใจจนเลิกดูไม่ได้ นั่งดูอยู่บนห้องมันทั้งวันนี่แหละครับ ฮา

Review : Kung Fu Panda 3

Review : Kung Fu Panda 3 Score : 8/10 "ดูเพลิน สนุก ตลกฮา ปนน่ารักของเหล่าแพนด้า ตอนท้ายซึ้งดี พร้อมออกตามหาตัวตน ว่าเรานั้นเป็นใคร?" เรื่องย่อ : การกลับมาของพ่อแพนด้าของโปที่หายสาบสูญไปเมื่อนานมาแล้ว ทั้งคู่กลับมาร่วมทางกันสู่เมืองลับแลของแพนด้า เพื่อพบกับพวกแพนด้าตัวตลกหน้าใหม่ แต่เมื่อจอมวายร้ายผู้อยู่เหนือธรรมชาติอย่าง ไค เริ่มกวาดล้างประเทศจีนด้วยการเอาชนะจ้าวแห่งกังฟูทั้งหมด โพต้องทำสิ่งเหลือเชื่ออย่างการศึกษาวิธีการฝึกฝนเหล่าพี่น้องจอมเซ่อที่น่ารักของเขา เพื่อให้กลายเป็นเหล่าสุดยอดกังฟูแพนด้า!