ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Review : BLADE RUNNER 2049 ไม่ใช่แค่ภาพยนตร์ธรรมดา แต่มันคืองานศิลป์ของโลกภาพยนตร์

"นี่มันคืองานศิลป์สำหรับโลกภาพยนตร์ชัดๆ เนื้อเรื่องล้ำลึก ภาพสวย เพลงประกอบเลอค่า การดูในระบบ IMAX คือที่สุดแห่งการรับชม" 

เรื่องย่อ : หลังจากเหตุการณ์ในภาคแรกผ่านไป 30 ปี ในภาคนี้ K นายตำรวจ LAPD และเจ้าหน้าที่ Blade Runner คนใหม่ ค้นพบความลับที่ถูกเก็บซ่อนมานานแสนนาน หลังจากเหตุการณ์ Black Out เมื่อปี 2022 ทำให้เขาต้องออกตามหา Rick Deckard อดีตนายตำรวจ LAPD และเจ้าหน้าที่ Blade Runner ที่หายตัวไปนาน 30 ปี


สำหรับเรา เรื่องนี้มันไม่ใช่แค่ภาพยนตร์ธรรมดาๆ ทั่วไป แต่มันคืองานศิลป์อันเลอค่าชิ้นนึงแห่งโลกภาพยนตร์เลยก็ว่าได้ ต้องบอกก่อนเลยว่า ถ้าคุณคิดจะมาดูเพราะหวังว่ามันจะ Action จ๋าแบบที่ตัวอย่างและโฆษณาปล่อยออกมา บอกได้เลยว่า มีหลับแน่นอน เพราะหนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนัง Action แต่เป็นหนังปรัชญาเรื่องชีวิตมาตั้งแต่ภาคแรกแล้ว และ Action ส่วนใหญ่ก็อยู่ในตัวอย่างแล้วเกือบทั้งสิ้น

ภาคนี้ Denis Villeneuve ยังคงเอกลักษณ์เดิมเอาไว้อย่างเต็มเปี่ยม นั่นก็คือการเดินเรื่องที่ไหลไปเรื่อยๆ จนชวนง่วงได้ เพิ่มเติมคือทำให้ดูง่ายขึ้น และใส่ความเป็นหนังตลาดลงไปนิดหน่อย มีสืบสวนสอบสวน, โรแมนติค-ดราม่า และแอ็คชั่นที่มากขึ้นกว่าภาคแรก แต่เราถือว่าภาคนี้รายละเอียดแน่นมากกว่าภาคแรก อาจจะดูเนือยๆ บ้าง แต่เป็น 163 นาทีที่เต็มไปด้วยงานศิลป์ชั้นเลิศจริงๆ ครับ แล้วก็ยังมีทิ้งประเด็นเอาไว้ต่อไปยังภาค 3 อีกด้วย ซึ่งเดาว่ามีสร้างแน่ๆ มาเต็มซะขนาดนี้แล้ว

งานภาพเรื่องนี้สวยแทบจะทุกฉาก Cyberpunk นี่นึกถึงตอนดู Ghost in The Shell เมื่อต้นปีมากๆ แค่ว่า 3D มันไม่พุ่งเท่านั้นเอง แต่หลายๆ ฉากสวยมากจนอยากจะซื้อแผ่นมาเพื่อแคปภาพเก็บเอาไว้เลย ไม่แปลกใจแล้วว่าทำไม Ryan Gosling ถึงบอกว่า ยอมให้ลุง Roger Deakins กำกับทุกอย่างเพื่อให้เป็นงานภาพที่ออกมาดีที่สุด ซึ่งมันคือที่สุดแห่งงานภาพสวยในยุคนี้แล้วจริงๆ

เพลงประกอบก็เหนือชั้นขึ้นไปกว่าภาคแรกอีกหลายเท่าตัว มีเอาเพลงเดิมกลับมาใช้นิดนึง นิดนึงจริงๆ แต่ที่เหลือจะเป็นเพลงใหม่หมด ซึ่งดูจบออกมาแล้ว ติดหูไม่แพ้กับภาคแรกเลย เข้าใจแล้วว่าทำไม Jóhann Jóhannsson ถึงได้ส่งไม้ต่อให้ Hans Zimmer กับ Benjamin Wallfisch ต่อ จริงๆ เราก็เชื่อว่า Jóhann ก็คุมอยู่จากงานที่ผ่านๆ มา แต่งานระดับนี้ก็ต้องส่งให้ชั้นครูจริงๆ ล่ะนะ

Production เรื่องนี้ถือว่าดีมาก ทั้งพวกยานพาหนะ, ห้องของเค, Cyberpunk, LAPD และอื่นๆ อีกมากมาย ออกแบบมาได้ล้ำยุคโดยยังคงคารวะภาคแรกเอาไว้ แต่มาปรับให้มันล้ำขึ้น ดูทันสมัยขึ้นกว่าเมื่อ 30 ปีก่อน (อิงตามเนื้อเรื่อง) ซึ่งเราแอบนึกถึง Oblivion เบาๆ ที่ Production Design ออกแบบมาได้ดี ดูแล้วสัมผัสได้ถึงความสวยงามและความปราณีตในการออกแบบขั้นสุดจริงๆ


สาวๆ เรื่องนี้ Cast กันมาได้ดีงามมาก ตั้งแต่น้อง Joi, Luv, Mariette ยันหัวหน้าของพระเอก แต่เด็ดที่สุดก็คือน้อง Joi และ Mariette มีฉากนึงที่แบบว่า อืม... อย่างเด็ด ทำไมไม่มีเยอะๆ หน่อย ///ไม่ใช่รึ?

การที่ได้ดูในระบบ IMAX คือที่สุดของการรับชมในปีนี้แล้วจริงๆ ทั้งงานภาพที่มีมิติแล้วยังเจอกับอัตราส่วนขยายพิเศษกว่าโรงปกติ 26% เหมือนหลุดเข้าไปในหนังเลย พร้อม Sound Mixing ที่ยอดเยี่ยม ถึงขนาดที่โรง IMAX สั่นสะเทือนได้ เราไม่ได้สัมผัสมานานมาก ตอน Dunkirk เรารู้สึกยังเฉยๆ กับระบบเสียงนิดนึง

ส่วน 3D เรื่องนี้แปลงมาได้แบบไม่โอเคอย่างแรง นั่งถอดแว่นดูหลายฉากเลยรู้ เพราะมันแทบไม่มีนูนลึกหรือพุ่งเลยแม้แต่น้อย มีก็แค่ตัวซับนี่แหละ ถ้าเป็นไปได้ ดูแบบธรรมดาจะดีกว่า ถ้าใครไม่สะดวกที่จะมารับชมใน IMAX นะครับ IMAX มีแต่ 3D แต่ถ้าแลกกับประสบการณ์การรับชมที่สุดยอด ถือว่าโคตรคุ้มค่าครับ

เรื่องนี้น่าจะกลับมาสะเทือนเวทีออสการ์ในอารมณ์แบบเดียวกับ MAD MAX : FURY ROAD แน่ๆ รางวัลคร่าวๆ ที่น่าจะได้เข้าชิงเลยก็ Best Film Editing, Best Production Design, Best Cinematography, Best Original Score, Best Sound Mixing, Best Sound Editing และอาจจะรวมไปถึง Best Director ด้วยก็เป็นได้ แต่รางวัลที่ได้กลับมาก็น่าจะเป็นสายงานเทคนิคทั้งหมดครับ 

ถ้าใครคิดที่จะมาดู Blade Runner 2049 จริงๆ ก็มีกฎเหล็กอยู่เพียง 2 ข้อครับ 

1.นี่เป็นหนังปรัชญาและต้องใช้การตีความพอตัว เหมือนกับภาคแรก ดังนั้น ถ้าหวังแอ็คชั่นอย่าดูเลยครับ มีหลับแน่นอน
2.ควรดูภาคแรกและหนังสั้น 3 ตอนก่อนจะมาดูภาคนี้ เป็นการปูพื้นทั้งหมดเอาไว้ ไม่งั้นจะมึนๆ นิดหน่อย แต่ก็ยังดูรู้เรื่องอยู่ 

สรุปโดยรวมคือ หนังเรื่องนี้สมบูรณ์แบบในแทบจะทุกด้าน ไม่ใช่แค่ภาพยนตร์ธรรมดาๆ ทั่วไป แต่มันคืองานศิลป์อันเลอค่าชิ้นนึงแห่งโลกภาพยนตร์เลยก็ว่าได้ และการดูในระบบ IMAX คือที่สุดของการชมภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วจริงๆ ครับ ภาพยนตร์เข้าฉาย IMAX แค่อาทิตย์เดียวด้วย ถ้ามีโอกาสได้ไปรับชมก็แนะนำให้รีบไปโดยด่วนเลยครับ


"Blade Runner 2049" เข้าฉายแล้ว วันนี้ ในโรงภาพยนตร์ 
 พบกับอัตราส่วนพิเศษที่มากกว่าระบบอื่นถึง 26% ได้ในระบบ IMAX ถึงวันที่ 11 ตุลาคมนี้ เท่านั้น

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างแรกและนักแสดงทั้งหมดในภาพยนตร์ Saiki Kusuo no Sainan ฉบับ Live Action

หลังจากประกาศสร้างมาตั้งปี 2015 ก็ได้มีการปล่อยตัวอย่างแรกพร้อมเหล่านักแสดงออกมาทั้งหมดแล้ว ตัวอย่างภาพยนตร์ - https://www.youtube.com/watch?v=4tCACKYolrs&t=0s และมีนักแสดงดังต่อไปนี้

"โกไคเจอร์" กลับมาครบทีม ร่วมฉลองซูเปอร์เซนไตซีรี่ส์ครบ 2,000 ตอน

นับตั้งแต่  "ขบวนการ ห้าจอมพิฆาต โกเรนเจอร์"  ได้ออกฉายตั้งแต่วันที่  4 เมษายน 1975  มาจนถึงขบวนการล่าสุด  "ขบวนการ ราชันย์สรรพสัตว์ จูโอเจอร์"  ซึ่งในวันที่  11 กันยายน  ก็จะฉายครบ  2,000 ตอน พอดี ในตอนที่  28-29   (ฉายวันที่ 4 และ 11 ก.ย.)  จึงได้มีตอนพิเศษขึ้นฉลอง โดยตอนพิเศษทั้ง  2  ตอน จะได้นักแสดงจาก  "ขบวนการ โจรสลัด โกไคเจอร์"  กลับมาแบบครบทีม ในรอบ  3 ปีครึ่ง  หลังจากภาพยนตร์  "ขบวนการ จารชน โกบัสเตอร์ ปะทะ ขบวนการ โจรสลัด โกไคเจอร์ เดอะมูฟวี่"

掟上今日子の備忘録。(Okitegami Kyoko no Biboroku) สมุดบันทึกความทรงจำของ โอคิเตะงามิ เคียวโกะ

            ก่อนจะเริ่มต้นวิจารณ์หรือวิเคราะห์ดีล่ะ เลือกไม่ถูก ถ้างั้นใช้เป็นว่า วิเคราะห์ น่าจะเหมาะสมที่สุดล่ะ ต้องขอบอกก่อนว่า ไม่ได้ตามดูซีรี่ส์จากทางฝั่งญี่ปุ่นมานานมากประมาณเกือบ 3 ปีได้ หลังจากซีรี่ส์ “Ando Lloyd - A.I. Knows Love ?” แล้วช่วงนี้ประจวบเหมาะกับไม่มีอะไรดู (เหรอ ? ) เลยลองมานั่งหาซีรี่ส์จากทางญี่ปุ่นดูบ้าง เปลี่ยนแนวจากที่ปกติเดิมจะดูแต่ซีรี่ส์ภาพยนตร์จากทางอเมริกาซะส่วนใหญ่ และ Okitegami Kyoko no Biboroku. เพื่อนก็แนะนำมาตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วก่อนซีรี่ส์จะจบด้วยซ้ำ (ตอนนั้น ฉายไป 8 ตอน ซีรี่ส์มีทั้งหมด 10 ตอน) เขาดูกันไปจะเกือบปีล่ะ ตัวเองพึ่งจะมานั่งดู หยิบขึ้นมาดูเท่านั้นแหละ กลายเป็นติดใจจนเลิกดูไม่ได้ นั่งดูอยู่บนห้องมันทั้งวันนี่แหละครับ ฮา