Review : Batman v Superman - Dawn of Justice
Score : 7/10
"ไม่มีคำบรรยาย ตัวอย่างคือตัวอย่างจริงๆ
นี่คือหนังที่เตรียมตัวทุกอย่างสู่ภาพยนตร์ Justice League"
เรื่องย่อ : ด้วยความกลัวว่าการกระทำของซูเปอร์ฮีโร่ที่เป็นดั่งเทพเจ้าจะไม่ได้รับการตรวจสอบ นักปราบอธรรมผู้ทรงอำนาจและน่ากลัวแห่งเมืองก็อทแธมจึงได้เผชิญหน้ากับพระเจ้าในยุคใหม่ที่น่าเคารพบูชาที่สุดของเมืองเมโทรโปลิส ขณะที่โลกก็กำลังถกเถียงกันว่าฮีโร่แบบไหนกันแน่ที่โลกกำลังต้องการจริงๆ และขณะที่แบทแมนกับซูเปอร์แมนกำลังรบกันเองอยู่นั้น ภัยคุกคามใหม่ก็ได้ผงาดขึ้นอย่างรวดเร็ว ที่ทำให้มวลมนุษยชาติต้องตกอยู่ในอันตรายกว่าที่เคยเป็นมาก่อน
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ครั้งนี้มาเยอะแบบจัดเต็มกันไปข้างนะครับ เอาให้เต็มที่ไปเลย ไหนๆ ก็กันรอมานานเกือบ 3 ปี...
- ยอมรับว่า หนังเรื่องนี้ทำมาเพื่อปูทางสู่ "Justice League" ที่จะมาในช่วงปลายปีหน้าจริงๆ ถึงจะหยอดมาเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งมาทีนึง เรียกได้ว่า สุดๆ จริงๆ โคตรชอบ
- ถามว่า Dark ไหม? ยอมรับว่า โคตรจะ Dark, Dark & Real มากจนแทบจะไม่สามารถเข้าใจได้ พูดตามตรงว่าโคตรเครียด แต่ถ้าดูแล้วพอจับทางได้มากที่สุดว่า เรื่องนี้ต้องการเดินไปในทิศทางใด นั่นก็คือ "เมื่อเราอยากที่จะเป็นคนดี เพื่อทำความดี แต่กลับกลายเป็นว่า ไม่มีใครต้องการ คนดีไม่มีที่ยืน ไม่ว่าจะทำอะไรทุกอย่างต้องมีผลตามมาตลอด"
- ถ้า "The Dark Knight Trilogy" คือ "Batman ฉบับที่มีความเป็นมนุษย์มากที่สุด" สำหรับ "Batman v Superman : Dawn of Justice" ก็คือ "Superman ฉบับที่มีความเป็นมนุษย์มากที่สุด"
- การตัดต่อ ยอมรับว่า ปวดหัวมาก ไม่ค่อยเป็นหลักเป็นแหล่ง เด้งไปเด้งมา มึนหัวมาก แต่ยังพอจับทางได้อยู่ ต้องตั้งสติในการดู แต่อีกสักรอบ Detail เยอะไปจนรับไม่ไหวจริงๆ
- Action เรื่องนี้ พูดจากใจเลยว่า อลังการขึ้นกว่า "Man of Steel" หลายขุม แต่ว่า พาไปไม่สุด ยังซึมซับไม่ค่อยเต็มที่เท่าไร ก็จบล่ะ หวังว่า ตัวเต็มจะจุใจกว่านี้นะ
- เพลงประกอบที่ได้ "Hans Zimmer & Junkie XL" มาร่วมมือกันประพันธ์เพลงในครั้งนี้ ผลงานเพลงอลังการงานสร้าง เข้ากับเนื้อเรื่องจริงๆ สะกดผู้ชมได้อยู่หมัด ตอนฟังปกติ ยังไม่ดูหนัง ความรู้สึกแรกคือ "มันจะเข้าเหรอ?" พอมาดูจริงๆ โคตรเข้าเลยครับ ท่านผู้ชม
- ด้านนักแสดง ถ้าถามว่าปังสุดของเรื่องก็คงเป็น "Gal Gadot & Jesse Eisenberg" ล่ะครับ "Ben Affleck" ก็ถือว่าเล่นดีอยู่ แต่ 2 คนที่บอกไปคือสุดจริงๆ "Gal Gadot" ดูเป็นคนที่มีประสบการณ์มาในระดับนึงเลย ตอนเป็น "Wonder Woman" เท่และทรงพลังมาก สมเป็นหญิงแกร่งแห่ง DC จริงๆ ส่วน "Jesse Eisenberg" ในบท "Lex Luthor" กับการตีความในรูปแบบใหม่ ที่ขอพูดตรงๆ เลยว่า "ไอ้เด็กเหี้*" เป็นคนที่ฉลาดแกมโกง เล่นเกมปั่นสมองแบบสุดๆ รู้สึกอยากตื้บมาก
ส่วน "Ben Affleck" ก็ถอดแบบมาจาก "The Dark Knight Returns" วางมือไปนาน ต้องกลับมาฝึกร่างกายตัวเองอีกครั้ง เพื่อสู้กับ Superman แต่ยังไม่ค่อยมีอะไรให้น่าจดจำมากมายเท่าไร ส่วน "Jeremy Irons" ที่รับบท "Alfred Pennyworth" ดูช่วยเหลือ Batman มากกว่า ในทุกฉบับ มีประสบการณ์มามากมาย ซึ่งแตกต่างจากที่ "Michael Caine" เล่นเอาไว้ใน "The Dark Knight Trilogy" ซึ่งเป็นเหมือนคนคอยให้คำปรึกษากับ Bruce ในทุกเรื่อง และดูแลเหมือนลูก
"Henry Cavill" ที่กลับมาในบท Superman อีกครั้งนึง โดยครั้งนี้ตัวละครของเขาได้เติบโตขึ้นจากภาคแรกมาก ต้องแบกรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นตามมา เขาที่มองว่ามนุษย์พร้อมจะรับกับตัวตนของเขา แต่กลับกลายเป็นว่า แท้จริงมันไม่ได้เป็นอย่างที่คิด แล้วเขาจะเผชิญหน้ากับมันยังไง เรียกได้ว่า Henry พาตัวละคร Superman เติบโตขึ้นจริงๆ ครับ
- เรื่องนี้ เอาใจแฟน Comic มาก เรียกได้ว่า ดูแค่ "Man of Steel" ไม่พอ ต้องมีพื้นฐาน Comic มาด้วยในระดับนึงเลย เพราะผกก.Zack Snyder อิงจาก Comic มาหลายๆ เล่มไม่ใช่แค่ "The Dark Knight Returns" เท่านั้น Zack สร้างเรื่องนี้โดยเอาใจแฟน Comic แบบเต็มจริงๆ ครับ เอาใจจนลืมนึกถึง กลุ่มผู้ชมทั่วไป
- แอบแนะนำเพิ่มอีกว่า "อย่า!!!" ดูตัวอย่าง, เรื่องย่อ หรือรับรู้อะไรก่อนเข้าไปดู อาจจะทำให้เราสนุกมากขึ้นครับ เพราะสิ่งที่เรารู้กับสิ่งที่เราจะไปเจอ มันไม่ใช่แบบที่คิดเลย ตัวอย่างคือตัวอย่างจริงๆ ครับ
- งานภาพยอมรับว่า เรื่องนี้มากลิ่นอาย "Zack Snyder" จริงๆ ไม่แปลกใจ เพราะได้ตากล้องคู่บุญอย่าง "Larry Fong" ที่เคยกำกับ "300, Watchmen & Sucker Punch" มาร่วมงานด้วย ซึ่งทำให้งานภาพมีสไตล์คล้ายและใกล้เคียงกับ Comic เป็นอย่างมาก
- ระบบ IMAX ยอมรับว่าเสียงแน่นมาก กระหึ่มแบบสุดๆ อลังการเต็มที่ แต่ฉากที่ถ่ายด้วย IMAX ไม่ค่อยคุ้มสักเท่าไร ถ้าเทียบกับ "The Dark Knight & The Dark Knight Rises" 3D แปลงมาก็ไม่ค่อยดีมากเท่าไร ถ้าจะดูแนะนำว่า ดูแบบ Digital ปกติดีกว่าครับ แต่ถ้าใครที่อยากจะดู IMAX ก็ต้องทนดู 3D กันสักนิดนึง...
สรุปโดยรวมเลย "นี่คือหนังที่เอาใจแฟน DC อย่างเต็มที่ เตรียมพร้อมสู่ "Justice League", ภาพยนตร์ Super Hero ที่ Dark & Real ที่กลุ่มผู้ชมทั่วไปเกือบจะดูไม่รู้เรื่อง" งานนี้จะชอบไม่ชอบ แนะนำว่า ไปลองพิสูจน์ด้วยตาตัวเองดีกว่าครับ
"Batman v Superman : Dawn of Justice - แบทแมน ปะทะ ซูเปอร์แมน : แสงอรุณแห่งยุติธรรม"
มีกำหนดฉาย 24 มีนาคม ในระบบปกติ, 3D, IMAX 3D & 4DX
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น